รพ.จุฬาลงกรณ์เผยประสิทธิภาพของการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในเด็ก ระหว่างอายุ 12 – 18 ปี
วันที่ 25 สิงหาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังวัคซีนไฟเซอร์/ไบออนเทค ได้รับอนุมัติให้ใช้เต็มรูปแบบจาก FDA หรือ องค์การอาหารและยาสหรัฐ สำหรับผู้มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ซึ่งรวมถึงการใช้ในผู้ที่มีอายุ 12-15 ปี ในกรณีฉุกเฉิน
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- อย. เตือนอย่าซื้อผลิตภัณฑ์ CDS มาทาน อันตรายถึงชีวิต
- แห่ขายที่ดินพ่วงโรงงาน เอกชนถอดใจ-สินค้าจีนตีตลาด
ล่าสุด โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย อ้างอิงข้อมูลจาก ศ.พญ.ธนินี สหกิจรุ่งเรือง คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกี่ยวกับผลการศึกษาประสิทธิภาพและความปลอดภัยการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในเด็ก ดังนี้
ประสิทธิภาพของวัคซีนไฟเซอร์ในเด็ก
- วัคซีนไฟเซอร์มีประสิทธิภาพ 100% ในป้องกันโรคโควิด-19 ที่แสดงอาการ เมื่อเปรียบเทียบกับประสิทธิภาพการป้องกันในผู้ใหญ่
- วัคซีนไฟเซอร์สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันในเด็ก ระดับใกล้เคียงกับผู้ใหญ่อายุ 16 – 25 ปี โดยมีระดับภูมิคุ้มกันอยู่ในเกณฑ์ดีถึงดีมาก
ผลข้างเคียงของวัคซีนไฟเซอร์ในเด็ก
- ผลข้างเคียงที่พบบ่อย เช่น เจ็บบริเวณตำแหน่งที่ฉีด อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ
- อาการข้างเคียงเฉพาะที่ที่เกิดขึ้นเล็กน้อย เช่น บวม แดงในตำแหน่งที่ฉีด
- อาการข้างเคียงทั้งระบบ เช่น ไข้ หนาวสั่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดข้อ
- อาการข้างเคียง กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและหรือเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ เป็นอาการข้างเคียงที่พบรายงานในอัตราต่ำมาก
คำแนะนำจากแพทย์
จากภาพรวมข้อมูลด้านประสิทธิภาพของวัคซีนไฟเซอร์ ที่มีการฉีดในเด็กพบว่า มีผลดีมากกว่าผลข้างเคียง ซึ่งพบได้ในอัตราที่ต่ำ ปัจจุบันในประเทศไทยแนะนำให้ฉีดในผู้ป่วยเด็กที่มีโรคประจำตัวหรือมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรง ซึ่งขณะนี้มีเพียงวัคซีนชนิด mRNA เช่น วัคซีนไฟเซอร์ ที่มีข้อแนะนำให้สามารถฉีดในเด็กได้ ส่วนวัคซีนชนิดอื่น ๆ เช่น วัคซีนชนิดเชื้อตาย หรือชนิดไวรัลเวกเตอร์ ยังไม่มีคำแนะนำการฉีดในเด็ก