วัคซีนเข็ม 3 ควรฉีดเมื่อไร ทั้งเชื้อตาย-ไวรัลเวกเตอร์ หมอนิธิเผย

วัคซีนโควิด

หมอนิธิ เผยฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม ควรเว้นระยะห่างก่อนฉีดเข็ม 3 เท่าไร ชี้ตอนนี้ ไม่มีวัคซีนชนิดไหนป้องกันสายพันธุ์เดลต้าได้ แนะเปลี่ยนความคิดใหม่ “ฉีดวัคซีนกันป่วยหนัก-เสียชีวิต-แพร่ระบาด” 

วันที่ 13 กันยายน 2564 ศาสตราจารย์ นพ.นิธิ มหานนท์ ผอ.โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ และเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Nithi Mahanonda โดยขึ้นต้นด้วยประโยคภาษาอังกฤษ ว่า “The more is not always the better…..ต้องพอดีเมื่อถึงเวลา”

ศาสตราจารย์ นพ.นิธิ ระบุว่า 1-2 วันที่ผ่านมา มีหลายคนถามตนถึงเรื่องระดับภูมิคุ้มกันและการรับวัคซีนโควิด-19 ในรอบใหม่ เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ตนจึงอยากอธิบาย ดังนี้

1. สำหรับคนที่ได้วัคซีนเชื้อตาย คือ ซิโนแวค และซิโนฟาร์มนั้น ควรได้รับการกระตุ้นภูมิ ประมาณเดือนที่สี่ถึงเดือนที่หก หลังจากได้วัคซีนเข็มที่สอง ควรได้เร็วหรือช้าขึ้นกับสองปัจจัย

ปัจจัยแรก คือ ความเสี่ยงของคน ๆ นั้นในการติดเชื้อ (เช่นทำงานเจอผู้คนมากหรือสัมผัสกับผู้มีเชื้อบ่อยหรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำเช่นภูมิคุ้มกันบกพร่องหรืออายุมาก)

ปัจจัยที่สองคือความรุนแรงของการระบาดในขณะนั้นเช่นถ้ามีการระบาดรุนแรงเกิดเวฟที่สี่หรือห้าโดยเฉพาะในหน้าหนาวนี้ที่ต้องเฝ้าระวัง ส่วนจะเป็นวัคซีนชนิดใดที่ใช้กระตุ้นนั้น ไม่สำคัญ และระดับภูมิคุ้มกันจะเท่าไหร่ก็ไม่ควรนำมาใช้เป็นแนวกำหนดด้วย ถ้ารอได้ควรเป็นวัคซีนรุ่นที่สอง

2. สำหรับผู้ที่ได้วัคซีน ไวรัลเวกเตอร์ เช่น แอสตร้าเซนเนก้า จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน หรือ สปุตนิก วี นั้นควรได้รับการกระตุ้นประมาณเดือนที่หกถึงเดือนที่แปดหลังเข็มที่สอง ของ แอสตร้าเซนเนก้า หรือ สปุตนิก วี

และเข็มหนึ่งของ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และ Sputnik Light จะเร็วจะช้าขึ้นอยู่กับปัจจัยเหมือนกันตามข้อที่ 1 เช่นเดียวกับวัคซีน mRNA คือ ไฟเซอร์ หรือ โมเดอร์นา กระตุ้นด้วยวัคซีนอะไรก็ได้เช่นกัน

แต่ไม่ควรเป็นวัคซีนชนิดเดิมสำหรับวัคซีนประเภทไวรัลเวคเตอร์ เนื่องจากว่าร่างกายมีโอกาสสร้างภูมิต้านทานไวรัสตัวที่ใช้เป็นเวกเตอร์ทำให้การกระตุ้นภูมิต่อโควิดไม่ดีนัก

3. ถ้าใครไม่ใช่กลุ่มที่ต้องรีบฉีดควรรอดูว่าจังหวะเวลาที่จะต้องได้รับการกระตุ้นนั้นจะมีวัคซีนที่ออกแบบมาเจาะจงสำหรับการกระตุ้นหรือไม่

ทั้งคุณสมบัติและขนาดปริมาณ (โดส) ซึ่งปริมาณขนาดที่จะใช้กระตุ้นนี้มีความสำคัญมาก ไปใช้ขนาดเดียวกับการฉีดครั้งแรกอาจจะมากเกินจำเป็น ไม่ควรตื่นเต้นไปจองวัคซีนรุ่นแรก

4. ถ้าไม่ใช่ผู้ที่อยู่ในกลุ่มการศึกษาวิจัยไม่แนะนำให้เจาะระดับภูมิคุ้มกัน เพราะระดับภูมิคุ้มกันนี้ไม่สามารถบ่งบอกถึงระดับการป้องกันโรคของวัคซีนได้โดยตรง (มี missing unknown unexplained links อีกหลายตัว)

เพราะถ้าติดตามศึกษาผลระดับภูมิคุ้มกันที่เสนอกันจะเห็นว่าในกลุ่มคนที่เหมือน ๆ กันและได้รับวัคซีนเดียวกันจะมีผลระดับภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันมากเกินกว่าจะอธิบายได้

ถ้าใครดูตัวเลขกราฟเป็นจะเห็นได้ว่า เรื่องระดับภูมิคุ้มกันเวลานำเสนอนั้นในแนวตั้งที่บอกถึงระดับที่วัดภูมิคุ้มกันได้นั้นจะเป็น log scale เพราะต้องแสดงค่าตั้งแต่ ศูนย์ ถึงหลาย ๆ หมื่น จากที่วัคซีนทุกชนิดที่ศึกษาจะวัดค่าได้มีตั้งแต่ต่ำมากถึงสูงมาก

การที่เราเห็นผลมันรวมกลุ่มกันเป็นกระจุกนั้นจริงๆแล้วมันกระจายกันอยู่มาก ผู้เข้าใจตัวเลขสถิติจะเข้าใจได้ว่าผลเช่นนี้นำมาหารเฉลี่ยง่าย ๆ ไม่ได้

สรุปว่า ระดับภูมิคุ้มกันใช้เป็นได้เพียงงานวิจัยบอกการกระตุ้นภูมิคุ้มกันของวัคซีนได้ “บ้าง” (แต่ไม่ใช่ระบบภูมิคุ้มกันทั้งระบบของคนที่ยังมีระดับความจำของภูมิคุ้มกันและอื่น ๆ อีกด้วย) มีประโยชน์ในการศึกษาเลือกและกำหนดชนิดวัคซีนพอได้ แต่ไม่บอกระดับการป้องกันของร่างกายต่อการติดเชื้อ

5. วัคซีนทุกชนิดที่มีในขณะนี้ ไม่มีชนิดไหนป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์เดลต้าได้ (และนอกจากนั้น การจะติดเชื้อนั้นขึ้นกับทั้งระดับภูมิและปริมาณเชื้อที่ได้รับด้วย) แต่ทุกชนิดป้องกันการมีอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้ (แต่ก็ไม่ 100%)

ดังนั้นควรเปลี่ยนกรอบความคิดกันใหม่ว่า เราฉีดวัคซีนกันเพื่อกันการป่วยหนักกันการเสียชีวิต และการการแพร่ระบาดในวงกว้าง

6. การตรวจหาเชื้อที่รวดเร็วและการรักษาที่รวดเร็วที่เริ่มมีแล้วไม่ว่าจะเป็นยาต้านไวรัสหรือยาแอนตี้บอดี้ค็อคเทล จะยิ่งทำให้เมื่อติดเชื้อแล้วได้ยาเร็วก็หายเร็วขึ้นและไม่มีอาการหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลได้อีกด้วย


อีกไม่นานเราก็อยู่ไปกับมันได้สบาย ๆ แต่ยังต้องช่วยกันลุ้นอีกเรื่องคือวัคซีนในเด็ก เพราะเราๆผู้ใหญ่ยังอยากให้สังคมคืนปกติ (ใหม่) โดยเฉพาะ เด็ก ๆ ก็ควรจะกลับสู่การเรียนในโรงเรียนโดยเร็วครับ