จับแล้ว! “วรรณา สวนสัน” เอี่ยวบึ้มราชประสงค์ ปี”58 ตร.คุมตัวคาสุวรรณภูมิหลังกลับจากตุรกี

เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 22 พ.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. พร้อมชุดสืบสวน รับตัวน.ส.วรรณา หรือ ไมซาเราะ สวนสัน อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 232 หมู่ 6 ต.คุระ อ.คุระบุรี จ.พังงา ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีร่วมกับพวกอีก 17 คน ก่อเหตุระเบิดศาลท้าวมหาพรหม เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2558 ซึ่งเป็นคนที่มีชื่อเป็นผู้เช่าบ้านให้กับกลุ่มผู้ต้องหา หลังจับได้ภายหลังสืบสวนทราบว่า เดินทางกลับเข้ามาประเทศไทย โดยผ่านทางช่องทางสนามบินสุวรรณภูมิ โดยทันทีที่น.ส.วรรณา เดินทางมาถึงตร. ครอบครัวของน.ส.วรรณา ที่มารอรับต่างร่ำไห้และโผเข้ากอดกัน ในการเดินทางมาครั้งนี้น.ส.วรรณาเดินทางมากับลูกชาย 2 คน เป็น ชาย 1 คน หญิง 1 คน

ทั้งนี้ตำรวจได้คุมตัวน.ส.วรรณา โดยไม่มีการพันธนาการแต่อย่างใด ก่อนนำตัวไปตรวจร่างกายโดยมีตำรวจหญิงดูแล จากนั้นแจ้งข้อหาให้ทราบ โดยมีนายบดีศร เผ่าสุทอ ทนายจากสภาทนายความ นายอีฉา สวนสัน พี่ชาย และนายอิบรอเหม คมขำ ผู้ใหญ่บ้านร่วมอยู่ด้วย

พล.ต.อ.ศรีวราห์ เปิดเผยว่า ด้วยเมื่อวันที่ 17 ส.ค.58 เวลาประมาณ 18.50 น. เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ ศาลพระพรหมเอราวัณ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม. เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายราย ทรัพย์สินเสียหายจานวนมาก คดีนี้ตร.แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน เพื่อดำเนินคดีกับคนร้าย คดีอาญาที่ 1172/2558 ของ สน.ลุมพินี และต่อมาได้จับกุมตัว นายไบลาล มูฮัมหมัด และ นายไมไรลี ยูซุฟู รวม 2 ราย นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี

ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือจำนวน 15 ราย รวมทั้งน.ส.วรรณา และนายเอ็มระห์ ดาวูโตกลู สามีตุรกี หลบหนีไป ศาลทหารกรุงเทพอนุมัติหมายจับไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำชับและสั่งการให้สำนักงานตารวจแห่งชาติ เร่งรัด ติดตาม จับกุม คนร้ายที่เหลือมาดำเนินคดีโดยเร็ว

รองผบ.ตร. กล่าวอีกว่า เวลาประมาณ 12.00 น. วันนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. สั่งการตน พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช รรท.ผบช.น., พ.ต.ต.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา รอง ผบช.น., พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช รรท.รอง ผบช.ส., พล.ต.ต.ชาติชาย เอี่ยมแสง ผบก.ประจำบช.ก. สืบทราบทางการข่าวว่าน.ส.วรรณาผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีดังกล่าว จะเดินทางกลับเข้ามาประเทศไทย

โดยผ่านทางช่องทางสนามบินสุวรรณภูมิ จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ร่วมกันจับกุมตัวน.ส.วรรณาได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมแจ้งข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส และทรัพย์สินผู้อื่นได้รับความเสียหาย และทาให้เสียทรัพย์, ร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะแต่การสงครามที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ไว้ในครอบครอง, พาอาวุธ (วัตถุระเบิด) ไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธรณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร, ร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” ตามหมายจับศาลทหารกรุงเทพ เลขที่ 84/2558 ลงวันที่ 25 ก.ย.58 นาตัวส่งพนักงานสอบสวนดาเนินคดีต่อไป

พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวอีกว่า คดีนี้มีผู้ต้องหาทั้งหมด 17 คน จับได้แล้ว 3 คน น.ส.วรรณาคือรายที่ 3 โดยการจับกุมครั้งนี้ไม่ใช่การส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน แต่เป็นการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ เมื่อสืบทราบว่าจะเดินทางกลับประเทศไทย

ส่วนเรื่องการประสานงานกับทางตุรกีตนไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องของต่างประเทศและเป็นเรื่องของอัยการสูงสุด ส่วนครั้งนี้น.ส.วรรณาเดินทางมาจากประเทศใด ตนไม่ทราบ คดีนี้สรุปสำนวนส่งอัยการศาลทหารไปนานแล้ว กระบวนการหลังจากนี้ตำรวจจะส่งตัวน.ส.วรรณาให้อัยการศาลทหาร เพื่อควบคุมตัวตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป ตอนนี้ยังไม่สอบปากคำไม่ทราบว่าน.ส.วรรณาให้การอย่างไร แต่ทุกอย่างอยู่ในสำนวน อยู่ที่ศาลทหารแล้วไม่สามารถให้ข้อมูลได้ ส่วนผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอีก 14 คน นั้นยังคงเร่งรัดติดตาม ทั้งที่อาจอยู่ในประเทศหรือหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว

ด้าน นายอิบรอเหม คมขำ ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า รู้จักน.ส.วรรณามาตั้งแต่เด็ก เป็นเด็กที่โตมาในชนบท กรีดยางมาตั้งแต่เด็ก จนมาทราบว่ามีสามีเป็นชาวตุรกี มาแต่งงานกันที่บ้านที่ตุรกี คาดว่ารู้จักชอบพอกันช่วงที่น.ส.วรรณามาเรียน เจอสามีน.ส.วรรณาครั้งแรกตอนมาแต่งงาน มีเพื่อนต่างชาติมาร่วมงานด้วยแต่ไม่ทราบว่าเป็นคนที่อยู่ในหมายจับหรือไม่ ทราบแต่ว่าสามีน.ส.วรรณาพูดภาษาไทยไม่ได้ ทำธุรกิจเล็กๆน้อยๆ โดยเจอครั้งล่าสุดน.ส.วรรณา และสามี ซึ่งปกติอยู่กทม.เดินทางกลับมาที่พังงา ประมาณเดือนพฤษภาคม 2558 เพื่อทำเอกสารเดินทางออกนอกประเทศไปตุรกีและเดินทางออกไปเมื่อวันที่ 17 พ.ค. ที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต

นายอิบรอเหม กล่าวว่า หลังเกิดเหตุน.ส.วรรณาถูกออกหมายจับ โดยตัวอยู่ที่ตุรกี ทราบว่าติดต่อพูดคุยกับทางบ้านที่พังงาโดยตลอด เพื่อขอให้ช่วยเหลือ น.ส.วรรณายืนยันว่าไม่ได้ทำผิด ทางบ้านก็พยายามเดินเรื่องช่วยเหลือให้เดินทางกลับไทย มีการยื่นเรื่องขอความช่วยเหลือไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเพื่อประสานงาน เดินเรื่องให้กลับมาประเทศไทย โดยคุยกันว่าเราคนไทย ถึงอย่างไรก็ให้กลับมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยวันนี้ก็มีตำรวจมาประสานงาน ดำเนินการเพื่อให้น.ส.วรรณาได้มอบตัวตามความตั้งใจของเจ้าตัว

นางเอมอร สวนสัน อายุ 40 ปี พี่สะใภ้ของน.ส.วรรณา เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ครอบครัวดีใจที่น.ส.วรรณาเดินทางกลับประเทศไทยจึงเดินทางจากจังหวัดพังงาเพื่อมารอรับ หลังจากที่ไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อปี 2558

การกลับมาครั้งนี้เป็นความตั้งใจของน.ส.วรรณาเพื่อมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง เพราะยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด โดยนับตั้งแต่เกิดเหตุและถูกออกหมายจับนางวรรณาซึ่งอยู่ที่ประเทศตุรกี ก็ตั้งใจจะกลับประเทศไทยมาโดยตลอด เพื่อมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ แต่ระหว่างนั้นถูกควบคุมตัวไว้ถูกกักบริเวณในสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งตนไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นที่ใดในประเทศตุรกี โดยถูกจับตัวไว้พร้อมสามีตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อปี 2558 กระทั่งล่าสุดเดินทางกลับมาในวันนี้ น.ส.วรรณาบอกว่าเดินทางออกจากตุรกีเวลา 02.00 น. ของเมื่อคืนที่ผ่านมาและจะถึงประเทศไทยเวลา 18:00 น. ของวันนี้แต่มีการเปลี่ยนแปลงไฟล์บินทำให้มาถึงตั้งแต่เวลา 15.00 น. ครอบครัวรู้สึกดีใจมากที่ได้เจอน้องและได้พบหลานอีก 2 คน คนหนึ่งอายุ 3 ขวบอีกคน 1 ขวบครึ่ง

นางเอมอร กล่าวอีกว่า ตั้งแต่ถูกออกหมายจับเมื่อปี 2558 ก็คุยกับน.ส.วรรณา มาตลอดนางวันนายืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด อยากจะกลับประเทศไทยตลอดแต่กลับไม่ได้ ครั้งนี้กลับมาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ

ขณะที่ น.ส.วรรณา ยอมรับว่าเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับและปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ใดๆ โดยคืนนี้ตำรวจคุมตัวไว้ที่ห้องขัง สน.ลุมพินี และในวันที่ 22 พ.ย. เวลา 08.00 น. จะคุมตัวไปฝากขังที่ศาลทหาร

 

 

ที่มา ข่าวสดออนไลน์