รองผบ.ตร.เค้นสอบ “สับ วาปี” คดี “ครูจอมทรัพย์” ค่อนคืน ยันทำเป็นขบวนการ วางแผนแนบเนียน

วันที่ 23 พฤศจิกายน ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม พร้อมคณะทำงาน ดำเนินคดี เกี่ยวกับกลุ่มขบวนการรับจ้างทำผิดแทน หรือขบวนการสร้างแพะ ในคดีครูจอมทรัพย์ ได้มีการคุมตัวสอบปากคำต่อเนื่อง สำหรับนายสับ วาปี อายุ 61 ปี หลังเข้ามอบตัวเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่เคยออกมารับว่าเป็นคนขับรถชนคนตายแทนครูจอมทรัพย์ ถือเป็น 1 ใน 7 ราย ของขบวนการรับจ้างทำผิด ที่ถูกตำรวจแจ้งความดำเนินคดี หลังศาลฎีกาพิพากษา คดีครูจอมทรัพย์ หรือนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 51 ปี อดีตข้าราชการครู ที่เคยตกเป็นจำเลยในคดีขับรถขนคนตาย จนศาลตัดสินจำคุก แต่หลังพ้นโทษ กับมีการร้องทุกข์กระทรวงยุติธรรม ขอรื้อคดี แต่ในที่สุดศาลฎีกาได้พิพากษาตัดสินยกคำร้อง ในการรื้อคดี เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา หมายถึงครูจอมทรัพย์ ไม่ได้เป็นแพะ ตามคำร้องทุกข์ จึงมีการตรวจสอบดำเนินคดี เนื่องจากมีการตรวจสอบ พบขบวนการรับจ้างทำผิดแทน พร้อมมีการดำเนินคดี กับบุคลที่ที่เกี่ยวข้อง

สำหรับบุคคลที่ตำรวจได้ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีไว้เบื้องต้นมี 7 ราย คือ คนที่ 1 นายสุริยา นวลเจริญ หรือ ครูอ๋อง ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทครูจอมทรัพย์ และยังมีหลักฐานเป็นบุคคลสำคัญในการตั้งขบวนการรับจ้างทำผิดแทน คนที่ 2 คือ นายสับ วาปี อายุ 61 ปี ซึ่งเป็นคนที่ออกมายืนยันว่า เป็นคนขับรถชนตัวจริง คนที่ 3 คือ นางจัน วาปี อายุ 59 ปี ที่เป็นภรรยานายสับ วาปี คนที่ 4 คือ นายบุญเทิง วาปี อายุ 63 ปี คนที่ 5 คือ นายเลิศ วาปี อายุ 66 ปี คนที่ 6 คือ นางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ อายุ 61 ปี พยานที่ยืนยันว่าเห็นเหตุการณ์ มีคนขับรถชนเป็นชาย ส่วนคนที่ 7 คือ นายนิรันดร์ แสนเมืองโคตร อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นสามีของครูจอมทรัพย์ โดยมีการดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ ตามกฎหมาย ป.อาญา มาตรา 267 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งมีการออกหมายเรียกมาพบพนักงานสอบสวนทั้งหมดแล้ว

ทั้งนี้ในส่วนของ นายสับ วาปี อายุ 61 ปี หลังเข้ามอบ หลังเข้ามอบตัว ได้ถูกคุมตัวสอบปากคำ เป็นเวลานานกว่า 12 ชั่วโมง จนกระทั่งถึงเวลา 01.00 น. โดยมีข้อมูลสำคัญ ที่จะเชื่อมโยงเอาผิดกับผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด เนื่องจากได้สารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างจาก ครูอ๋อง นายสุริยา นวลเจริญ เพื่อนสนิท ครูจอมทรัพย์ ถือเป็นบุคคลสำคัญ ที่ทำหน้าที่จัดตั้งขบวนการรับจ้างทำผิด มาตั้งแต่ต้น และมีการวางแผนเป็นอย่างดี จนกระทั่งมีการรื้อฟื้นคดี ซึ่งข้อมูลทั้งหมด ทางตำรวจมีความมั่นใจว่า ครูจอมทรัพย์ มีส่วนรู้เห็น และจะได้รวบรวมพยานหลักฐาน แจ้งความดำเนินคดี ด้วย

พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยหลังมีการสอบปากคำนายสับ วาปี ว่า เบื้องต้นหลังมีการสอบสวน นายสับ วาปี ที่เคยอ้างว่าเป็นคนขับนั้น เจ้าตัวยืนยันว่า ไม่ได้เป็นความจริง ออกมารับแทน เพราะได้รับการว่าจ้างเป็นเงิน 4 แสนบาท แต่สุดท้ายยังไม่ได้เงินค่าจ้าง โดยก่อนนี้ทางกระทรวงยุติธรรม รวมถึงดีเอสไอเคยนำตัวไปสอบสวน และทราบว่าเป็นขบวนการรับจ้างทำผิด แต่ไม่สามารถนำพยานหลักฐานใหม่ไปยืนยันกับศาลเพื่อหักล้างความผิดได้ โดยได้ข้อมูลหลักฐานหลายอย่างที่เป็นประโยชน์ ในการดำเนินคดีบุคคลสำคัญที่เป็นผู้จัดตั้งขบวนการ คือ นายสุริยา นวลเจริญ หรือครูอ๋อง ทำหน้าที่ตั้งแต่ วางแผน ตรวจเช็ค หารถทะเบียน 56 เพื่อมารับผิดแทน จนกระทั่งพบข้อมูลรถยนต์ ของนายสับ วาปี ก่อนไปทาบทามว่าจ้างให้ไปรับผิดแทนครูจอมทรัพย์ จนเกิดตัวละครมาเป็นนายเสริฐ รูปสะอาด ที่มีการลงบันทึกปากคำไว้ที่ สภ.เรณูนคร ถือว่าการกระทำเป็นขบวนการ วางแผนแนบเนียนพอสมควร ที่สำคัญจากการตรวจสอบหลักฐาน การสอบปากคำนายสับ วาปี เชื่อมั่นว่าเชื่อมโยงถึงครูจอมทรัพย์แน่นอน ซึ่งจะได้รวบรวมหลักฐาน แจ้งความดำเนินคดีอย่างแน่นอน รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องทุกรายอยู่ระหว่างการดำเนินการ

 


ที่มา : มติชนออนไลน์