คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เล็งเสนอ ศบค.ลดระยะเวลากักตัวผู้เดินทางจากต่างประเทศ ในพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว พร้อมกางแผนการฉีดวัคซีน ต.ค.-ธ.ค. คาดทะลุเป้า ส่วนเข็ม 3 ปักแขนประชาชนเดือนละ 1-2 ล้านโดส
วันที่ 23 กันยายน 2564 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยในที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 9/2564 โดยระบุว่า ภาพรวมสถานการณ์แพร่ระบาดโควิดในไทยทิศทางเป็นบวก สะท้อนจากอัตราการติดเชื้อและจำนวนผู้เสียชีวิตลดลง ขณะที่ระบบการรักษาพยาบาลรองรับได้ดีขึ้น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- ยูโอบี ย้ำลูกค้าบัตรเครดิตซิตี้ ยังใช้งานได้ปกติ แจงสิ่งควรรู้หลังโอนพอร์ต
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
การติดเชื้อส่วนใหญ่ยังอยู่ในพื้นที่ กทม. ปริมณฑล และจังหวัดชายแดนใต้ ในลักษณะการระบาดเป็นกลุ่มก้อนในเรือนจำ แต่มีการแยกกักอย่างดีทำให้ควบคุมได้
สำหรับการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อฯ วันนี้ (23 ก.ย.) มีประเด็นสำคัญ 4 เรื่อง ได้แก่
1. รับทราบการให้บริการวัคซีนโควิด 19 ของไฟเซอร์ในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปที่ศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า เพื่อเตรียมพร้อมการเปิดเรียนในสถานศึกษา รวมถึงผู้ที่ไม่อยู่ในระบบการศึกษาประมาณ 4.5 ล้านคน เพื่อให้กลับไปใช้ชีวิตปกติในโรงเรียนอย่างเร็วที่สุดภายในปี 2564
2. รับทราบแผนการให้บริการวัคซีนโควิด 19 ในเดือนตุลาคม – ธันวาคม 2564 โดยประเทศไทยสามารถจัดหาวัคซีนได้ตามแผน 125 ล้านโดส จะมีผู้ได้รับวัคซีน 62 ล้านคน คิดเป็น 90%
ทั้งนี้ เป้าหมายฉีดเข็ม 1 ครอบคลุมอย่างน้อย 70% ภายในเดือนพฤศจิกายน และอย่างน้อย 80% ภายในเดือนธันวาคม
ส่วนเข็มที่ 2 ครอบคลุมอย่างน้อย 70% ภายในเดือนธันวาคม ส่วนผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนเชื้อตายครบ 2 เข็ม และผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด จะได้รับเข็มกระตุ้น 1 เข็ม โดยจัดสรรเดือนละ 1-2 ล้านโดส ตั้งแต่ตุลาคม – ธันวาคม 2564
3. รับทราบความคืบหน้าการเสนอร่าง พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 พ.ศ. …
เบื้องต้น ครม.เห็นชอบในหลักการแล้ว สาระสำคัญมีการกำหนดระบบและกลไกในการจัดการโรคติดต่อทั้งในสถานการณ์ปกติและสถานการณ์ฉุกเฉิน เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติของ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ให้เหมาะสมกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค และเพิ่มหมวดสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขขึ้นมา เพื่อให้การเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อเป็นเอกภาพ ทันการณ์ และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
4. เห็นชอบการปรับมาตรการสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร เกณฑ์ แนวทาง และแผนงานสำหรับพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว
โดยจะมีการปรับลดระยะเวลาการกักกันผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ เนื่องจากมีการพิจารณาข้อมูลระยะเวลาที่พบการติดเชื้อในผู้เดินทางแล้ว และให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ สามารถเดินหน้าประเทศและกระตุ้นเศรษฐกิจควบคู่กับการควบคุมโรคอย่างเหมาะสม
สำหรับแผนการเปิดพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประเมินเตรียมความพร้อม โดยการกำหนดพื้นที่ขึ้นอยู่กับความครอบคลุมของวัคซีน สถานการณ์ อัตราการครองเตียง และการบริหารจัดการของพื้นที่ จะเสนอ ศบค.พิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ ระยะแรกช่วงตุลาคม 2564 จะทดลองรับนักท่องเที่ยวไทยเข้าพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว ก่อนเปิดพื้นที่ในเดือนพฤศจิกายน 2564
นอกจากนี้ คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติยังได้เห็นชอบในหลักการระบบและแนวทางปฏิบัติในการควบคุมโรคติดต่อนำโดยแมลงภายใต้ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ให้รองรับการระบาดที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทันเวลา และสอดคล้องกับสถานการณ์ในอนาคต