“ศานิตย์” โล่ง! แปลเอกสารคดี “บอส” ทายาทเครื่องดื่มชูกำลัง ส่งตร.แล้ว

จากกรณี นายอำนาจ โชติชัย อธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศ เร่งรัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ส่งเอกสารประกอบคำร้องขอผู้ร้ายข้ามเเดน กรณีของ นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ทายาทเครื่องดื่มชูกำลัง ผู้ต้องหาขับรถชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ อดีตผู้บังคับหมู่ปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ เสียชีวิต เหตุเกิดตั้งแต่ปี 2555 มาให้อัยการฯ ปรากฎขณะนี้ทางตำรวจยังไม่มีคำขอส่งมา และการประชุมร่วมกันที่ผ่านมาได้พูดชัดเจนว่าให้ทำคำขอส่งผู้ร้ายข้ามเเดนส่งมา เเต่ปัจจุบันนี้คำขอยังไม่มา ส่วนจะติดขั้นตอนไหนไม่ทราบ เป็นเรื่องภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่รับผิดชอบเรื่องนี้

เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. กล่าวถึงความคืบหน้าการแปลเอกสารสำนวนคดีของนายวรยุทธ หรือบอส ว่าเอกสารดังกล่าวได้แปลเสร็จและได้ส่งให้ทางกองการต่างประเทศตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีการลงเลขรับหนังสือไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องส่งไปให้สำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินการตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งประเทศที่เป็นปลายทางเป็นประเทศที่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศไทย

พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวอีกว่า คดีนี้จะให้มันง่ายที่สุดต้องให้นายวรยุทธ มาสู้คดีก็จบ เพราะกระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ค่อนข้างจะใช้เวลา อยากให้เป็นกรณีตัวอย่างให้ประชาชนสบายใจได้ว่ากฎหมายมีไว้เพื่อคุ้มครองคนดี เจ้าหน้าที่ตำรวจบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาค บางเรื่องอาจจะล่าช้าไปบ้างก็ต้องมาปรับปรุงกัน

อย่างไรก็ตามกรณีสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด 7 นายตำรวจว่ามีส่วนช่วยให้คดีล่าช้าและไม่ให้ถูกดำเนินคดีนั้น เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับ ป.ป.ช. ที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้อง ไม่ขอออกความเห็น

รายงานข่าวแจ้งว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ได้ส่งเอกสารแปลสำนวนการสอบสวนคดี นายวรยุทธ มาให้กองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ กองการต่างประเทศ จะตรวจความถูกต้อง ความสมบูรณ์ของเอกสาร และส่งให้พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ลงนามในหนังสือ ซึ่งในกรณีนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อาจมอบอำนาจให้รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใดคนหนึ่งเซ็นรับรองก็ได้ คาดว่าจะใช้เวลา 2-3 วัน หลังจากนั้นก็จะส่งต่อให้อัยการสำนักงานต่างประเทศ เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

 

ที่มา : มติชนออนไลน์