ศบค. เปิดประเทศ 69 วัน แห่เข้าไทย เกือบ 5 แสนคน ติดเชื้อ 3,326 ราย

REUTERS/Athit Perawongmetha

ศบค.เผยเปิดประเทศ 69 วัน มีผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรแล้ว 490,207 ราย พบผู้ติดเชื้อแล้ว 3,326 ราย ขณะที่จังหวัดท็อป 10 ติดเชื้อโควิดสูงสุด ยังเป็น “ชลบุรี” กว่า 921 ราย รองลงมาเป็นสมุทรปราการ 

วันที่ 9 มกราคม 2565 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทั่วโลกมียอดผู้ติดเชื้อรวม 306,024,532 ราย อาการรุนแรง 94,057 ราย รักษาหายแล้ว 258,959,674 ราย และเสียชีวิต 5,502,332 ราย

ส่วนอันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด อันดับ 1. สหรัฐอเมริกา จำนวน 60,954,028 ราย 2. อินเดีย จำนวน 35,516,186 ราย 3. บราซิล จำนวน 22,499,525 ราย 4. สหราชอาณาจักร จำนวน 14,333,794 ราย 5.ฝรั่งเศส จำนวน 11,815,121 ราย โดยประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 25 ของโลก อันดับ 5 ของทวีป จากจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,269,550 ราย

ขณะที่ สถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศ พบผู้ป่วยรายใหม่ จำนวน 8,511 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,240,687 ราย หายป่วยแล้ว 2,166,441 ราย เสียชีวิตรายใหม่ 12 คน และเสียชีวิตสะสม 21,731 คน ส่วนข้อมูลสะสมตั้งแต่ปี 2563 มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,269,550 ราย หายป่วยแล้ว 2,193,867 ราย และ เสียชีวิตสะสม 21,825 ราย

ทั้งนี้ ผู้ติดเชื้อทั้ง 8,511 ราย จำแนกเป็นการติดเชื้อในประเทศ 8,141 ราย ติดเชื้อจาก ต่างประเทศ 350 ราย ผู้ป่วยรายใหม่จากการติดเชื้อในประเทศจำแนกเป็น จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ 7,942 ราย จากค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 199 ราย จากเรือนจำ / ที่ต้องขัง 20 ราย และจากต่างประเทศ 350 ราย

ขณะที่ ผู้ป่วยรักษาอยู่ 53,858 ราย จำแนก เป็นในโรงพยาบาล 29,643 ราย โรงพยาบาลสนามและอื่น ๆ 24,215 ราย เป็นผู้ป่วยอาการหนัก 484 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 113 ราย

รายละเอียดผู้เสียชีวิต

สำหรับรายละเอียดผู้เสียชีวิต 12 รายในวันนี้ เป็นชาย 8 ราย หญิง 4 ราย เป็นชาวไทย 10 ราย ชาวจีน 1 ราย และไม่ได้ระบุอีก 1 ราย โดยมีสัดส่วนผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป 7 ราย และมีโรคเรื้อรัง 3 ราย กลุ่มนี้คิดเป็นสัดส่วนของผู้เสียชีวิต 83% และไม่มีประวัติเรื้อรัง อีกจำนวน 2 ราย คิดเป็นสัดส่วนของผู้เสียชีวิต 25%และปัจจัยเสี่ยงยังมาจากโรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคอ้วน โรคไต และผู้ป่วยติดเตียงด้วย

เมื่อแยกตามพื้นที่พบว่าผู้เสียชีวิตอยู่ทางภาคเหนือถึง 5 ราย จาก เชียงใหม่ 3 ราย แม่ฮ่องสอน 2 ราย ถัดมาเป็นภาคอีสาน จำนวน 3 ราย ร้อยเอ็ด 2 ราย ภาคกลาง อยู่ที่ชลบุรี ลพบุรี สระบุรี จังหวัดละ 1 ราย และภาคใต้ที่จังหวัด สตูลอีก 1 ราย

10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด ชลบุรี เกือบพันคน

  • ชลบุรี  921 ราย
  • สมุทรปราการ 669 ราย
  • กรุงเทพมหานคร 598 ราย
  • นนทบุรี 436 ราย
  • ภูเก็ต  416 ราย
  • อุบลราชธานี 409 ราย
  • สุรินทร์ 307 ราย
  • ขอนแก่น 275 ราย
  • เชียงใหม่ 268 ราย
  • ระยอง 259 ราย

ติดเชื้อจากต่างประเทศรายใหม่ 350 ราย จาก 48 ประเทศ

สำหรับจำนวนผู้ติดเชื้อที่มาจากต่างประเทศตั้งแต่วันที่ 1-8 มกราคม 2565 มีผู้เดินทางเข้ามาจำนวน 66,529 คน พบผู้ติดเชื้อโควิด 1,855 ราย โดยระบบ Test & Go มีผู้เดินทางเข้ามามากที่สุดจำนวน 39,142 คน พบการติดเชื้อจำนวน 1,166 ราย ขณะที่กลุ่มแซนด์บ็อกซ์เดินทางเข้ามาจำนวน 20,654 คน พบผู้ติดเชื้อโควิด 538 ราย และระบบกักกันตัวหรือ Quarantine มีผู้เดินทางเข้ามา 6,733 คน พบผู้ติดเชื้อโควิด 151 ราย

เมื่อรวมผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรนับตั้งแต่เปิดประเทศ (1 พฤศจิกายน 2564 – 8 มกราคม 2565) มีผู้เดินทางเข้ามาแล้ว 490,207 ราย พบผู้ติดเชื้อโควิดรวมสะสม 3,326 ราย ในจำนวนนี้เป็นระบบ Test & Go ที่มีผู้เดินทางเข้ามามากที่สุดจำนวน 385,905 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 2,172 ราย

ในวันนี้ พบผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศ ทั้งสิ้น 350 ราย จาก 48 ประเทศ ผ่านระบบ Test and Go จำนวน 181 ราย ผ่านระบบ Sandbox จำนวน 153 ราย ผ่านระบบ Quanrantine จำนวน 16 ราย

สูงสุด 10 ประเทศแรก จากสหรัฐอเมริกา 31 ราย จากประเทศรัสเซีย 30 ราย ประเทศคาซัคสถาน 28 ราย ประเทศอินเดีย 23 ราย สหราชอาณาจักร 22 ราย ประเทศเยอรมนี จำนวน 21 ราย ประเทศ ออสเตรเลีย 19 ราย ประเทศฝรั่งเศส ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประเทศละ 18 ราย และประเทศสวีเดน 14 ราย

สรุปผลการฉีดวัคซีนโควิด

สรุปผลการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทย ผลการให้บริการวัคซีน วันที่ 8 มกราคม 2565 เวลา 18.00 น. จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เพิ่มขึ้นวันนี้ เพิ่มขึ้น 383,002 โดส สะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. 2564 จำนวน 106,336,237 โดส

  • เข็มที่ 1 จำนวน 38,795 ราย สะสม 51,502,025 ราย คิดเป็น 71.5% ของประชากร
  • เข็มที่ 2 จำนวน 116,106 ราย สะสม 46,820,621 ราย คิดเป็น 65.0% ของประชากร
  • เข็มที่ 3 จำนวน 228,101 ราย สะสม 8,013,591 ราย คิดเป็น 11.1% ของประชากร