สรุปดราม่า “นะหน้าทอง” ทำไมต้องลงทั่วหน้า ศรีสุวรรณจี้เอาผิด

นะหน้าทอง สรุปดราม่า หลังสำนักพุทธสั่งหยุด ศรีสุวรรณ ชี้เป็นพระนอกรีต

สรุปดราม่า “นะหน้าทอง” วัดศาลารี นนทบุรี ก่อนสำนักพุทธฯ ขอให้หยุด ศรีสุวรรณร่วมวง ร้องทำผิดพระธรรมวินัย

วันที่ 18 มกราคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดกระแสฮือฮาบนโลกโซเชียล เมื่อมีคนไปลง “นะหน้าทองแบบเต็มหน้า” เพื่อเสริมดวงชะตากับ พระครูสมุห์นพดล ปิยธมฺโม เจ้าอาวาสวัดศาลารี จังหวัดนนทบุรี ซึ่งสังคมตั้งคำถามถึงความเหมาะสมว่า วัดสามารถทำแบบนี้ได้หรือไม่

วานนี้ (17 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวข่าวสดลงพื้นที่วัดศาลารี สอบถามพระครูสมุห์นพดล ถึงที่มาของการลงนะหน้าทองแบบเต็มหน้า รวมถึงกระแสดราม่าที่เกิดขึ้น

พระครูสมุห์นพดล ปิยธมฺโม เจ้าอาวาสวัดศาลารี เผยว่า “ตอนแรกอาตมาเจิมหน้าผาก เขียนยันต์ลงฝ่ามือให้ลูกศิษย์ ต่อมากลางปีที่แล้ว ลูกศิษย์มาขอให้อาตมาลงนะหน้าทองให้ทั้งหน้า เพราะมีความเชื่อว่าเสริมบารมีให้กับชีวิต ส่วนอาตมามองว่าการทำแบบนี้ เหมือนพระที่ทาขมิ้นก่อนบวช พอล้างออกหน้าใสขึ้น จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการลงนะหน้าทองเต็มหน้า”

กระทั่งกลายเป็นกระแส มีลูกศิษย์ทำงานสินเชื่อมาขอให้ลงนะหน้าทองเต็มหน้า เพราะเชื่อว่าจะเสริมดวงเรื่องงาน หลังจากนั้น 2 ชั่วโมงต่อมา ลูกศิษย์สามารถเจรจางานได้สำเร็จ

“อาตมามองว่า การลงนะหน้าทองทั้งหน้าไม่แตกต่างกับเจิมเฉพาะหน้าผาก แต่ในความเชื่อของลูกศิษย์ มองว่าแตกต่างกัน” เจ้าอาวาสวัดศาลารี กล่าว

ต้องใช้ระบบจองคิว

พระครูสมุห์นพดล เผยว่า ส่วนใหญ่ลูกศิษย์จะมาเสริมดวงเรื่องงาน เรื่องเงิน การลงนะเต็มหน้า ใช้เวลานาน จึงต้องจำกัดคิว รับได้วันละ 2 คน ถ้าเป็นวันธรรมดา ลูกศิษย์ที่มาเจิมเฉพาะหน้าผาก หรือเขียนยันต์ลงฝ่ามือ จะอยู่ที่ 150 – 160 คนต่อวัน

ส่วนวันเสาร์อาทิตย์อยู่ที่ 300 คนขึ้นไป อาตมาไม่คิดค่าครู อยู่ที่กำลังศรัทธาของลูกศิษย์ ปัจจัยต่าง ๆ ที่ลูกศิษย์บริจาคเข้ามา ก็นำไปสร้างห้องน้ำวัด ปรับภูมิทัศน์ พัฒนาวัดต่อไป

สำนักพุทธฯขอให้หยุด

พระครูสมุห์นพดล ปิยธมฺโม บอกอีกว่า ช่วงเที่ยงของวานนี้ (17 ม.ค) ทางสำนักพุทธ เลขาเจ้าคณะจังหวัดนนทบุรี เข้ามาคุยข้อตกลงที่วัด ขอให้หยุดลงนะหน้าทองเอาไว้ก่อน อาตมาก็ทำตาม ซึ่งอาตมาไม่มีเจตนาสร้างความงมงาย ตอนนี้ก็หยุดลงนะหน้าทองไม่มีกำหนด ต้องพูดคุยกันก่อนหลาย ๆ ฝ่าย ซึ่งแนวทางที่วางไว้หลังจากนี้ อาจจะให้ลูกศิษย์มาเรียนรู้ต่อ

เสียงจากลูกศิษย์

คุณเอ็ม อายุ 28 ปี ลูกศิษย์ที่เดินทางมาลงนะหน้าทองทั้งหน้า เปิดเผยว่า สาเหตุที่ตนมาลงหน้าทองที่วัดนี้ เพราะว่าเห็นกระแสในโลกโซเชียล ตนมีอาชีพขายต้นไม้ อยากให้ค้าขายดีขึ้น ตนจึงตัดสินใจมา เพื่อเสริมสิริมงคลให้ตัวเอง กว่าจองคิวยากมาก จึงตั้งใจมาลงนะหน้าทองเต็มหน้า พอทำเสร็จก็รู้สึกดีแบบบอกไม่ถูก คิดว่าทุกอย่างน่าจะดีขึ้น รู้สึกอุ่นใจมีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ส่วนคนที่จะมองว่างมงาย ก็เป็นความเชื่อของแต่ละคน แต่ตนทำแล้วสบายใจ

ส่วนคุณโบว์ อายุ 35 ปี ที่เดินทางมาลงนะหน้าทอง แล้วไม่ทำ เปิดเผยว่า เป็นพนักงานบริษัท เมื่อเช้าเห็นข่าวจึงอยากมาเสริมดวง วันนี้ (17 ม.ค.) เป็นวันดีหวยออกด้วย ก่อนขับรถมาที่วัด ก็แวะซื้อทองคำเปลว 100 บาท มาให้หลวงพ่อ ลงนะหน้าทองที่หน้าผาก แต่พอมาถึงทางวัดแจ้งว่า ทางสำนักพุทธมาตรวจสอบ ให้หยุดลงนะหน้าทองวันนี้ไปก่อน เธอก็รู้สึกผิดหวัง เพราะตั้งใจมาเลย เดินทางมาจากพระราม 2 ใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่า ๆ

ศรีสุวรรณจี้เอาผิดพระนอกรีต

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ล่าสุด (18 ม.ค.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เรื่อง ศรีสุวรรณร้องมหาเถรสมาคมกำราบพระนอกรีตเจิม “นะหน้าทอง” ระบุว่า

ขณะนี้มีพระชั้นผู้ใหญ่ระดับพระครู หรือเจ้าอาวาสวัดหลายวัด ได้กระทำการเผยแผ่พระศาสนาที่อาจขัดต่อพระธรรมวินัยเป็นจำนวนมาก โดยอาศัยความโง่เขลา เบาปัญญาของพุทธบริษัท เป็นเครื่องมือในการแสวงหาลาภปัจจัย ซึ่งมหาเถรสมาคมควรที่จะต้องออกมากำราบหรือจัดการพระนอกรีตเหล่านี้เสีย เพื่อมิให้ศาสนาแปดเปื้อนและถูกเข้าใจผิดว่า การกระทำดังกล่าวเป็นกิจของสงฆ์

พฤติการณ์ดังกล่าว อาทิ การเขียนยันต์ต่าง ๆ โดยอ้างว่าเพื่อเป็นการเตือนสติผู้คนให้ใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท ดำเนินชีวิตด้วยสติสัมปชัญญะ ตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรมและรักษาศีล 5 รวมทั้งที่กำลังเป็นกระแสฮิตกันมากคือ การเจิมหน้าผากด้วยแผ่นทองคำเปลว การเขียนยันต์หัวใจมหาเศรษฐีลงบนฝ่ามือ และการลงนะหน้าทองแบบเต็มใบหน้า โดยอ้างว่าจะช่วยเสริมสร้างสิริมงคล หนุนดวง เสริมดวงชะตาในด้านเมตตา มหาเสน่ห์ เสริมบารมี และเพิ่มโชคลาภ ลงแล้วจะเจริญรุ่งเรือง ร่ำรวย ซึ่งถ้าทำแล้วทำให้ร่ำรวยจริง คงไม่มีคนยากคนจนเต็มแผ่นดินอยู่ในขณะนี้

การกระทำดังกล่าวไม่ใช่กิจของสงฆ์ ไม่เคยปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎก และหรือไม่อยู่ในคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หากแต่เป็น “โลกวัชชะ” เป็นอวิชชา หรือเดรัจฉานวิชา ที่พวกหมอผี หรือผู้ที่นิยมทางไสยศาสตร์เขาทำกัน ซึ่งขัดต่อความเป็นพระภิกษุในบวรพุทธศาสนา ที่มุ่งสอนให้พุทธบริษัทหลุดพ้นจากวัฏฏะสงสาร มุ่งสู่ศีล สมาธิ และปัญญา มากกว่าการเผยแผ่พระศาสนาโดยใช้อวิชชาทางไสยศาสตร์เป็นธงนำ

และการกระทำดังกล่าวอาจจะผิดศีลอาบัติขั้นสังฆาทิเสสได้ เนื่องจากเสี่ยงที่จะแตะเนื้อต้องตัวผู้หญิงหรืออุบาสิกาได้ หรือถึงขั้นอาบัติปาราชิกได้ เพราะอาจถือได้ว่าเป็นการอวดอุตตริมนุสสธรรม หรือการอวดอ้างคุณวิเศษที่ไม่มีในตน

ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงได้มีหนังสือร้องเรียนไปยังมหาเถรสมาคม ผ่านสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อขอให้ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ 2505 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ในการเอาผิดพระนอกรีตเหล่านี้ และออกกฎมหาเถรสมาคม

เพื่อสั่งห้ามพระภิกษุในพุทธศาสนาเผยแผ่พระศาสนาโดยวิธีการเจิมหน้าผากด้วยแผ่นทองคำเปลว และหรือการเขียนยันต์หัวใจมหาเศรษฐีลงบนฝ่ามือ และการลงนะหน้าทองให้กับพุทธบริษัทโดยเด็ดขาด หากมีพระรูปใดฝ่าฝืนให้ทำการจับสึกไปเสีย และหรือถอดถอนสมณศักดิ์ที่มีออกไปเสียด้วย นายศรีสุวรรณกล่าวในที่สุด

บุ๋ม ปนัดดา ผู้มาก่อนกาล

ล่าสุด ข่าวสด รายงานว่า พิธีกร-นักแสดงสาว บุ๋ม ปนัดดา ก็ได้ออกมาโพสต์ภาพตนเมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมาขณะกำลังลงนะหน้าทอง ณ วัดป่าแดด จ.เชียงใหม่ พร้อมเขียนข้อความระบุว่า แม่ทำมานานแล้วจ้า เมื่อปี 2560 ที่วัดป่าแดด #เชียงใหม่ #ผู้มาก่อนกาล #ทำก็บอกว่าทำ #ทำแล้วสบายใจก็ทำไป #ไม่ต้องดราม่า ถามแม่ก่อนดีกว่า ว่าหายใจออกไหม? 5555