สนามบินเมืองคอนเร่งสูบน้ำ-ตรวจสอบระบบนิรภัยการบิน คาด 9 ธ.ค.สามารถเปิดทำการบินได้ปกติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (8 ธ.ค.60) ที่ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นำอุปกรณ์สูบน้ำกำลังสูงเข้าสูบน้ำที่ท่วมขังอยู่ภายในท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช เพื่อระบายออกสู่ภายนอกอย่างเร่งด่วน พร้อมทั้งเร่งบรรจุกระสอบทรายและขนส่งเข้าไปจัดเสริมแนวป้องกันน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำไหลย้อนกลับเข้ามาในบริเวณนี้อีก รวมถึงไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการบิน ขณะที่มีปริมาณน้ำโดยรอบสนามบินกว่า 1 ล้านลูกบาศก์เมตร

ทั้งนี้ในช่วงเย็นของวันนี้ (8 ธ.ค.60) มีรายงานว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะเข้าตรวจสอบพื้นที่ท่าอากาศยานฯ และเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจะเข้าตรวจสอบและฟื้นฟูระบบนิรภัยการบิน ระบบช่วยเดินอากาศ และระบบไฟฟ้าส่องทางวิ่ง ทางขับ เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยให้สมบูรณ์ 100% ก่อนที่จะประกาศเปิดบริการท่าอากาศยานอีกครั้ง โดยเบื้องต้นคาดว่าในวันพรุ่งนี้ (9 ธ.ค.60) จะสามารถทำการบินได้ตามปกติต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในวันเดียวกันนี้นายสมนึก พรหมเขียว ปลัดจังหวัดนครศรีธรรมราช นำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ประสบอุทกภัยที่โรงเรียนบ้านบางไทร อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อตรวจติดตามสถานการณ์และให้กำลังใจผู้ประสบอุทกภัย เพื่อให้ความช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบอุทกภัยเป็นเบื้องต้น รวมถึงการจัดเก็บเป็นข้อมูลเพื่อกำหนดเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาในระยะยาวต่อไป

ทั้งนี้จากภาวะอุทกภัยครั้งนี้ส่งผลให้ อ.เฉลิมพระเกียรติ ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมขังเป็นวงกว้าง สิ่งสาธารณประโยชน์ได้รับความเสียหายจำนวนมาก โดยในพื้นที่ ต.ทางพูน และ ต.สวนหลวง ยังมีน้ำท่วมสูง ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเร่งบูรณาการความร่วมมือระดับพื้นที่และระดับจังหวัดเพื่อแก้ไขสถานการณ์ มีการนำอาหาร น้ำดื่ม และยาเวชภัณฑ์ไปแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัย และจัดชุดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกตรวจบริการแก่ผู้ประสบอุทกภัยด้วย

ส่วนที่บ้านน้ำร้อน หมู่ 1 ต.สี่ขีด อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช น้ำป่าไหลหลากได้ซัดสะพานข้ามพังเสียหายยาวเกือบ 30 เมตร ชาวบ้านหลายร้อยครอบครัวไม่สามารถเดินทางเข้าออกจากหมู่บ้านได้ จึงมีการเข้าไปให้ความช่วยเหลือสร้างสะพานเชือก หรือสะพานลิงเพื่อให้ผู้ประสบภัยได้ใช้ชั่วคราว นอกจากนี้กระแสน้ำป่ายังกัดเซาะริมตลิ่งลำคลองอีกหลายจุด อย่างไรก็ตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเข้าไปช่วยเหลือโดยสร้างสะพานถาวรให้ชาวบ้านต่อไป

นอกจากนี้พื้นที่หมู่ 7 ต.นบพิตำ อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ถูกดินโคลนถล่มบ้านเรือนพังเสียหาย 15 หลังแล้ว รวมถึงพื้นที่หมู่ 2 และหมู่ 7 ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ ที่อยู่ริมห้วย ซึ่งถูกน้ำพัดจนพังเสียหายอีกหลายหลังเช่นกัน บางจุดสะพานขาด ทำให้ชาวบ้านเดินทางเข้าออกลำบาก ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานไหนเข้าไปสำรวจและให้การช่วยเหลือ เนื่องจากทางเข้าหมู่บ้านเข้าไปอย่างยากลำบาก ชาวบ้านต้องช่วยตัวเองไปก่อนจนกว่าจะมีการสร้างสะพานให้แล้วเสร็จ

ขณะที่ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำ มีการนำเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่เส้นผ่านศูนย์กลาง 14 นิ้ว แบบเคลื่อนที่มาติดตั้ง โดยนายวิทยา แก้วภราดัย อดีตสมาชิก สปท. ได้ร่วมกับผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง ติดตั้งที่จุดระบายน้ำบ้านบางไทร ต.บางศาลา อ.ปากพนัง เพื่อเร่งระบายน้ำทั้งใน อ.ปากพนัง และ อ.เชียรใหญ่ เนื่องจากการระบายน้ำในพื้นที่ 2 อำเภอนี้เป็นที่ลุ่ม หากระบายตามธรรมชาติจะมีความล่าช้า

นายวิทยา แก้วภราดัย อดีตสมาชิก สปท. ระบุว่า การจัดหาเครื่องสูบจากภาคประชาชนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายจะทำให้ปริมาณน้ำไหลลงสู่แม่น้ำปากพนังได้เร็วขึ้นกว่าเดิม หากฝนไม่เพิ่ม น้ำในลุ่มน้ำปากพนังจะระบายและเห็นผลภายใน 3 วัน โดยการระดมเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่นี้เป็นวิธีการตามแนวประชารัฐ จัดหาอุปกรณ์ด้วยภาคประชาชน และกรมชลประทานจะเป็นผู้สนับสนุนเชื้อเพลิง เป็นการร่วมมือที่ดีระหว่างประชาชนและภาครัฐ