นายกฯ ลงพื้นที่ตรังเร่งช่วยเหลือน้ำท่วมอยากให้คนไทยมีความสุข

“นายกฯตู่” ควง รมต.ลงตรัง เยี่ยมผู้ประสบภัยน้ำท่วม และ มอบถุงยังชีพให้เงินช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วม ลั่นตั้งใจทำงานให้คนไทยมีความสุข เตรียมแผนแก้ปัญหาราคายางพารา แนะประชาชนน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

วันที่ 8 ธันวาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมรัฐมนตรีหลายคน อาทิ พล.อ.ฉัตรชัย สาลิกัลป์ยะ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายวิวัฒน์ ศัลกำธร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และคณะ ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานการณ์อุทกภัย และมอบถุงยังชีพในพื้นที่จังหวัดตรัง 3 อำเภอ คือ อ.เมือง อ.กันตัง และ อ.รัษฎา โดยมี นายศิริพัฒพัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง นายวสันต์ ถนอมทรัพย์ นายชัชวาล ฉายะบุตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง หัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ ตัวแทนภาคเอกชน ผู้บริหารท้องถิ่น ข้าราชการ และประชาชน ให้การต้อนรับ

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดตรัง มีพื้นที่ประสบอุทกภัย 2 อําเภอ ได้แก่ อ.เมือง และ อ.กันตัง ในเขต อ.เมืองตรัง บริเวณริมฝั่งแม่น้ำตรัง ช่วงนี้ฝนหยุดตก ระดับน้ำจึงลดลงอย่างต่อเนื่อง คาดว่าน่าจะเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 1-2 วัน ส่วนพื้นที่ อ.กันตัง ยังคงมีน้ำท่วมสูง แต่มีแนวโน้มลดลง คาดว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 5-7 วัน หากไม่มีฝนตก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินทางไปยังโรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัยตรัง เพื่อปะเยี่ยมเยียนให้กาลังใจประชาชนที่ประสบอุทกภัย พร้อมทั้งมอบถุงยังชีพจำนวน 800 ราย โดย นายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ได้กล่าวรายงานสรุปสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดตรัง ว่าขณะนี้พื้นที่ประสบอุทกภัย 8 อำเภอได้คลี่คลายลงแล้ว ระดับน้ำต่ำกว่าจุดวิกฤต มีราษฎรได้รับความเดือดร้อน 19,103 ครัวเรือน 76,459 ราย พื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบ 337,592 ไร่

“ด้านปศุสัตว์ 188,454 ตัว ด้านประมง การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ 582 บ่อ 102 กระชัง บ่อดิน (ปลา) 301.5 ไร่ ผู้เสียชีวิตที่สามารถใช้จ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ.2556 จำนวน 4 ราย สถานศึกษาได้รับผลกระทบ 27 แห่ง วัดได้รับผลกระทบ 29 แห่ง ทั้งนี้จังหวัดได้ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือฯ 8 อำเภอ และได้ประกาศเตือนให้ประชาชนในพื้นที่เฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด อีกทั้งเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน”นายศิริพัฒ กล่าวรายงาน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมทำให้ประชาชนไม่มีความสุข ตนเองก็ไม่มีความสุข เพราะสิ่งที่ตนตั้งใจคือทำให้คนไทยทุกคนมีความสุข แต่ปัญหาดังกล่าวเกิดจากธรรมชาติ ซึ่งจะต้องแก้ไขให้ได้ ตนมาวันนี้ไม่ได้มาเพื่อทำให้ประชาชนรัก แต่ตนมาเพราะรักประชาชนทุกคนที่เป็นคนไทยทุกคน รู้ว่าทุกคนยังลำบาก และมีความจำเป็นต้องทำความเข้าใจในทุกพื้นที่ ถ้ามีอะไรสงสัยสอบถามได้ตลอดเวลา ตนรับฟังปัญหาทุกปัญหาอยู่แล้ว แต่ก็ต้องฟังซึ่งกันและกัน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า ที่ผมเดินทางมาจังหวัดตรัง เพราะประชาชนประสบอุทกภัย ซึ่งเป็นปัญหาเดิมๆที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะพนังกั้นน้ำที่มีอยู่เดิมพัง ก็ต้องทำใหม่ แก้ไขให้ดี อย่าไปรอว่าเมื่อไหร่จะทำ ตนจะเป็นผู้แก้ปัญหาให้ โดยนำผู้บริหารรัฐบาล กระทรวงที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายลงมาดูพื้นที่เพื่อนำสู่การแก้ปัญหา อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าตนเป็นนายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.แล้วจะช่วยได้ทุกเรื่อง เราคนไทยด้วยกันบางครั้งใช้อะไรที่แรงไปก็ไม่เหมาะ หรือจะไม่ใช้เลยก็ยุ่งกันใหญ่ จึงขอให้ประชาชนเข้าใจ วันนี้ขอบอกว่าการเมือต้องเอาไว้ก่อน และฝากบอกท้องถิ่นว่ายังงัยการเมืองก็ต้องเดินหน้าตามระเวลา

“วันนี้ต้องมาแก้ปัญหากันก่อน ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดตรัง จะต้องได้รับการแก้ไข อย่าต้องปล่อยให้สภาพแบบนี้ตกไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน จึงต้องมาฟังรัฐบาลว่าจะแก้ยังไง ต้องกลับไปดูว่าโลกมันร้อนปัญหาที่เกิดขึ้นต้องมองโลกภายนอกด้วย ร้อนกันทั้งโลก มีการใช้เทคโนโลยีมากขึ้น เกิดก๊าซเรือนกระจก ทุกคนต้องเรียนรู้ และเตรียมการรับมือ ทุกวันนี้เราอยู่ด้วยการประกอบอาชีพเมื่อก่อนไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องน้ำท่วม แต่วันนี้ภัยพิบัติมาและเกิดบ่อยขึ้น แม้ว่าขณะนี้สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย แต่ในส่วนของรัฐบาลก็มีการทำแผนงานโครงการที่ทางกรมชลประทานดำเนินการอยู่ในขณะนี้โดยจะแล้วเสร็จในปี 2561 ในส่วนของพนังกั้นน้ำแม่น้ำตรัง จะต้องทำใหม่ด้วย ก่อสร้างให้ได้มาตรฐานเพิ่ป้องกันการกัดเซาะ”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการแก้ปัญหาน้ำท่วมจังหวัดตรัง แบบยั้งยืนนั้น ทางกรมชลประทานมีโครงกาก่อสร้างอ่างเก็บน้ำในเขตพื้นที่บ้านวังหีบ อ.บางขันธ์ จ.นครศรีธรรมราช มีปัญหาพื้นที่บริเวณดังกล่าวมีประชาชนอาศัย การแก้ปัญหาจึงต้องร่วมมือกัน หากประชาชนไม่ให้ความร่วมมือปัญหาก็ติด ให้รัฐบาลไล่ก็มีปัญหา จึงขอให้เห็นใจรัฐบาลแก้ปัญหาในสิ่งที่ต้องทำ ตราบใดที่ทำไม่ได้ความเดือดร้อนก็คงยังมีอยู่

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในส่วนของยางพารานั้น มีผลผลิตกว่า 14 ล้านตัน ที่ผ่านมามีการใช้ยางพาราภายในประเทศเพียงแค่ 300,000 ตัน ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องเร่งผลักดันให้มีการใช้ยางพาราภายในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 500,000 ตัน โดยเฉพาะในหน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงการส่งเสริมการลงทุนด้านต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันมีการคิดค้นพัฒนาในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อนำยางพารามาเป็นส่วนผสมในการดำเนินการเพิ่มขึ้น เนื่องจากเทคโนโลยีเดิมนำยางพารามาใช้เป็นส่วนผสมเพียงร้อยละ 5

“เพื่อเพิ่มปริมาณการใช้ยางในประเทศให้สูงขึ้นและช่วยยกระดับราคายางพาราด้วย อย่างไรก็ตาม ผมก็ขอให้เกษตรกรน้อมนำศาสตร์พระราชา มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ทั้งหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และการทำการเกษตรตามแนวเกษตรทฤษฎีใหม่ ปลูกพืชแบบผสมผสานเพื่อให้เกิดความหลากหลายและช่วยเติมเต็มรายได้ ทำให้เกษตรกรชาวสวนยางมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นด้วย”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้มอบเงินกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ให้กับครอบครัวที่เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วม จำนวนจำนวน 4 รายประกอบด้วย ครอบครัวนางสุมาลี แคนยุกต์ อายุ 39 ปี บ้านเลขที่ 218 หมู่ 1 ต.หนองปรือ อ.รัษฎา , นายวรรณชิต บัวแดง อายุ 43 ปี บ้านเลขที่ 65 ม.3 ต.นาท่ามใต้ อ.เมืองตรั,นายอนุพล บุญโยดม อายุ 38 ปี บ้านเลขที่ 1 ม.2 ต.ในควน อ.ย่านตาขาว และนายสมพล เพ็ชรหิน อายุ 41 ปี บ้านเลขที่ 113 ม.6 ต.เกาะเปียะ อ.ย่านตาขาว พร้อมมอบถุงชีพให้ผู้ประสบอุทกภัย จำนวน 800ราย

หลังเสร็จสิ้นภารกิจที่โรงเรียนจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัยแล้ว เดินทางไปลงเรือในพื้นที่บ้านคลองช้าง ต.บางรัก อ.เมือง เพื่อเยี่ยมเยียนให้กำลังใจประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม จำนวน35 ครัวเรือน พร้อมมอบถุงยังชีพให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น จากนั้นได้เดินทางต่อไปยังวิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินทร ต.ควนธานี อ.กันตัง จ.ตรัง กล่าวพบปะประชาชนพร้อมมอบถุงยังชีพผู้ประสบภัย จำนวน 500ราย เสร็จแล้วก็เดินทางต่อไปยัง โรงเรียนรัษฎา ต.คลองปาง อ.รัษฎา กล่าวพบปะประชาชนและมอบถุงยังชีพผู้ประสบอุทกภัยจำนวน 500ชุด และเดินทางกลับในเย็นวันเดียวกัน