“ปณท” เปิดตัวโครงการ “ไปรษณีย์ไทย…เพื่อแผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง” จับมือชาวน่านเสริมแกร่งชุมชนเติบโตยั่งยืน

วันที่ 8 ธันวาคม 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ได้เปิดตัวโครงการ “ไปรษณีย์ไทย…เพื่อแผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง” จ.น่าน

นางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า โครงการ “ไปรษณีย์ไทย…เพื่อแผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง” เป็นโครงการที่เกิดจากความตั้งใจจริงของไปรษณีย์ไทย ที่ต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยอย่างยั่งยืน ผ่านศาสตร์พระราชา “เข้าใจ-เข้าถึง-พัฒนา” โดยร่วมมือกับทุกภาคส่วน สนับสนุนเศรษฐกิจชุมชนให้เติบโตไปพร้อมกับการสร้างคุณธรรม บนพื้นฐาน บวร หรือ บ้าน วัด โรงเรียน

“โดยการทำโครงการดังกล่าว ไปรษณีย์ไทยได้ดำเนินการ 3 ด้าน คือ 1.การอบรมผู้ประกอบการ วิสาหกิจชุมชนใน จ.น่าน ทั้งหมด 37 กลุ่ม ให้รู้วิธีการขายสินค้าออนไลน์ การบรรจุหีบห่อสำหรับจัดส่ง และ ปณท ยังคัดเลือกสินค้าจำหน่ายบนเว็บไซต์ www.thailandpost.com ช่วยให้ชุมชนเข้มแข็ง มีรายได้ ใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์” นางสมรกล่าว

นางสมรกล่าวต่อว่า 2.การดำเนินการส่งเสริมวัฒนธรรม โดยร่วมกับหอศิลป์ริมน่าน จัดประกวดภาพถ่าย หน้าต่างน่าน ซึ่งนำมาจัดแสดงบริเวณลานข่วงน่าน ก่อนจะนำไปจัดแสดงที่หอศิลป์ริมน่าน นอกจากนี้ ยังนำภาพที่ชนะเลิศมาจัดทำเป็นโปสการ์ดจำหน่ายหารายได้สมทบทุนโครงการก้าวคนละก้าวด้วย ขณะเดียวกันยังจัดทำตู้ไปรษณีย์ ตู้นี้ที่ริมน่าน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว

3.ส่งเสริมการเรียนรู้ โดยจัดอบรมพ่อค้าแม่ค้าน้อย ซึ่งก็คือเยาวชนใน จ.น่าน ซึ่งวันนี้พ่อค้าแม่ค้าน้อยก็ได้นำสินค้ามาจำหน่ายด้วย

“ทั้งนี้ น่านถือเป็นพื้นที่แรกที่ไปรษณีย์ไทยได้ดำเนินโครงการนี้เป็นแห่งแรก เนื่องจากมองเห็นศักยภาพในหลายๆ ด้าน ซึ่งหลังจากนี้ไปรษณีย์ไทยจะดำเนินโครงการต่อในจังหวัดอื่นๆ ต่อ คาดว่าจะครบทั่วประเทศภายใน 2 ปี” นางสมรกล่าว

นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่ไปรษณีย์ไทยเข้ามาดำเนินโครงการนี้ เพราะสังคมไทยและโลกกำลังเปลี่ยนแปลง บางครั้งอาจทำให้ไม่สามารถบริหารไปได้ถูกทาง ซึ่งมองว่าแนวนโยบายประเทศไทย 4.0 นั้นตอบโจทย์ได้ เพราะเป็นนโยบายที่สร้างสมดุล ทั้งในด้านเทคโนโลยีและด้านอื่นๆ

“ที่ผ่านมากระทรวงดิจิทัลฯก็กำลังผลักดันให้เกิดขึ้น ถึงแม้อาจจะโปรโมตในเรื่องเทคโนโลยี แต่การปรับตัวของสังคมไม่ใช่เรื่องเทคโนโลยีอย่างเดียว แต่ต้องพัฒนาด้านอื่นด้วย ซึ่งโครงการนี้ทำให้เห็นว่ามีการพัฒนาร่วมกันในหลายภาคส่วน เป็นการวางรากฐานในเรื่องดิจิทัล และเมื่อสายใยแก้วนำแสงเข้าถึงทุกหมู่บ้าน ก็จะทำให้ชาวบ้านนำเทคโนโลยีตรงนี้ไปใช้ในการทำอีคอมเมิร์ซต่อไป” นายพิเชฐกล่าว