ไฟไหม้ห้องแถวแพร่งนรา สถาปัตยกรรมสมัย ร.5 วอด 13 หลัง

เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 11 ธันวาคม ร.ต.อ.เลิศชาย ผือลองชัย รอง สว.(สอบสวน) สน.สำราญราษฎร์ รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ห้องแถวภายในถนนแพร่งนรา แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กทม. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.ท.วิชิต สินค้า สวป.สน.สำราญราษฎร์ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู และรถดับเพลิงสำนักป้องกันและบรรเทาสาธาณภัยบรรทัดทอง จำนวน 5 คัน

ที่เกิดเหตุเป็นห้องแถวโบราณ มีลักษณะเป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้สูง 2 ชั้น ปลูกติดกันจำนวนหลายคูหา พบแสงเพลิงและกลุ่มควันพวยพุ่งจากบริเวณชั้นที่ 2 ของห้องต้นเพลิงเลขที่ 89 ซึ่งประกอบกิจการเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ และแบ่งพื้นที่ภายในไว้สำหรับทำห้องให้เช่า ทั้งนี้เนื่องจากสภาพโครงสร้างของห้องแถวดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นไม้เก่าที่ทางราชการอนุรักษ์เอาไว้ จึงเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี เพลิงได้ลุกลามไปได้อย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาควบคุมนาน 30 นาทีกว่าเพลิงจะสงบ สำรวจเบื้องต้นมีห้องแถวได้รับความเสียหายไปทั้งสิ้น 13 คูหา โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ในครั้งนี้

จากการสอบสวน น.ส.ไซลวด ซอน อายุ 26 ปี ชาวกัมพูชา ซึ่งเช่าพักอาศัยในห้องแถวต้นเพลิง ให้การอย่างตื่นเต้นว่า ตนเป็นลูกจ้างร้านขายอาหารเข้ามาทำงานเมืองไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยภายในห้องแถวดังกล่าว บริเวณชั้นล่างด้านหน้าเปิดเป็นจุดบริการเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ แต่ด้านในได้แบ่งพื้นที่ทั้ง 2 ชั้นไว้ทำห้องเช่าด้วยจำนวน 4 ห้อง ก่อนเกิดเหตุตนและเพื่อนๆ คนงานด้วยกันราว 10 คน ก็เพิ่งกลับจากที่ทำงานมาพักผ่อน โดยตนพักอยู่ที่ห้องด้านล่างจู่ๆ ได้กลิ่นควันไฟลอยมาจากชั้นบน จากนั้นเพื่อนๆ ที่อยู่ด้านบนก็วิ่งหนีตายลงมาแบบไม่คิดชีวิต ทีแรกพวกตนไม่สามารถเปิดประตูหนีออกไปได้ เพราะมีแต่ควันไฟมองอะไรไม่เห็น เคราะห์ดีที่มีชาวบ้านมาช่วยงัดแม่กุญแจช่วยชีวิตได้ทันไม่อย่างนั้นคงไม่รอด เพราะต้องเป็นศพอยู่ในกองเพลิง

ด้าน ร.ต.อ.เลิศชาย กล่าวว่า ขณะนี้ทราบชื่อเจ้าของห้องแถวต้นเพลิงแล้ว คือ นายวิษณุ ปุระวัฒน์ อายุ 67 ปี ตอนเกิดเหตุเจ้าตัวนอนพักอยู่ในห้องแถวอีกห้องหนึ่ง ซึ่งไม่ไกลกันมากนัก อยู่ระหว่างเชิญตัวไปสอบสวนที่ สน.สำราญราษฎร์ ส่วนสาเหตุและมูลค่าความเสียหายยังไม่สามารถประเมินได้ เนื่องจากห้องแถวที่เกิดเหตุเป็นทรัพย์สินในความดูแลของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งตนจะประสานตัวแทนเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายทั้งสำนักงานเขต กองพิสูจน์หลักฐาน และสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้งในช่วงสายวันนี้

มีรายงานว่าแต่เดิมถนนแพร่งนราเป็นวังเก่าของพระโอรสในรัชกาลที่ 4 คำว่า “แพร่ง” แปลว่า “ทางแยกทางบก” ส่วนหนึ่งของวังสร้างเป็นโรงละครร้อง หลังจากได้ตัดถนนแพร่งนรา ผ่านกลางวังแล้ว ได้สร้างตึกแถวขึ้นทั้งสองฟากถนน มีรูปทรงแบบสถาปัตยกรรมยุโรป ซึ่งเป็นที่นิยมกันในสมัยนั้น เป็นตึกแถว 2 ชั้น หน้าแคบ หลังคารูปจั่วตามความยาวของคูหา มุงด้วยกระเบื้องเกล็ด โดยสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ปัจจุบันตึกแถวเหล่านี้เหลืออยู่ประมาณ 100 คูหา และอยู่ในความดูแลของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งได้ให้ประชาชนเช่าอยู่อาศัยและทำการค้ามาเป็นเวลานานปี

 

 


ที่มา : มติชนออนไลน์