ศักดิ์สยาม ให้กลุ่มศูนย์สิทธิผู้บริโภคกรุงเทพฯเข้าพบ เชียร์คมนาคมค้านต่อสัมปทานสายสีเขียว
วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้ผู้แทนเครือข่ายศูนย์สิทธิผู้บริโภคกรุงเทพมหานครเข้าพบ เพื่อขอบคุณและให้กำลังใจกรณีการคัดค้านขยายสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้ผู้แทนเครือข่ายศูนย์สิทธิผู้บริโภคกรุงเทพมหานครเข้าพบ เพื่อขอบคุณและให้กำลังใจกรณีกระทรวงคมนาคมคัดค้านขยายสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว พร้อมด้วย นายวิรัช พิมพะนิตย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นางสุขสมรวย วันทนียกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวง และนายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 ณ ห้องประชุมกระทรวงคมนาคม
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ กล่าวว่า นางสำลี สีละพุก ได้นำผู้แทนเครือข่ายศูนย์สิทธิผู้บริโภคกรุงเทพมหานครเข้าพบ เพื่อขอบคุณและให้กำลังใจ และยื่นหนังสือเพื่อเสนอแนวทางต่าง ๆ ดังนี้
1. ขอสนับสนุนกระทรวงฯ ให้ชะลอการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวและขึ้นราคาค่าโดยสารที่ไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภค
2. ขอให้กระทรวงฯ ร่วมแสดงจุดยืนและเป็นพลังร่วมกับประชาชนในการคัดค้านการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวล่วงหน้าและกำหนดอัตราค่าโดยสารที่ไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภค
3. ขอให้กระทรวงฯ สนับสนุนการกำหนดสัดส่วนของค่าบริการขนส่งมวลชนต่อรายได้ขั้นต่ำของประชาชนต่อวันไม่เกินร้อยละ 10 ของค่าแรงขั้นต่ำ
4. ขอให้ประกาศนโยบายให้รถไฟฟ้าเป็นบริการขนส่งมวลชนที่ทุกคนต้องขึ้นได้อย่างทั่วถึง
5. ขอให้สนับสนุนการยกเว้นค่าแรกเข้าที่ซ้ำซ้อนของระบบรถไฟฟ้า และจัดระบบตั๋วร่วม
6. ขอให้ทบทวนสัญญาสัมปทานการเดินรถไฟฟ้าทุกเส้นทางในปัจจุบัน และในอนาคต เพื่อศึกษาผลกระทบและกำหนดแนวทางให้เกิดความเป็นธรรมในเรื่องราคาต่อผู้บริโภค
ทั้งนี้ กระทรวงฯ มีจุดยืนในการขยายสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งกระทรวงฯ ได้เสนอความเห็นประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี โดยยึดหลักความถูกต้อง และประโยชน์สูงสุดที่ประชาชนพึงจะได้รับเป็นลำดับแรก
ดังนั้น จะเห็นได้ว่าความเห็นของกระทรวงฯ ได้ให้ความสำคัญกับอัตราค่าโดยสารที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนอย่างยั่งยืนจากปัจจุบันไปสู่อนาคตถึงปี 2602
รวมถึงการกำหนดเงื่อนไขของการเข้าระบบตั๋วร่วมที่ครอบคลุมทุกโครงข่าย และความถูกต้องครบถ้วนของขั้นตอนตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องเป็นสำคัญ และจะทำให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจ โดยมีปริมาณผู้โดยสารมากขึ้นจากอัตราค่าโดยสารที่เป็นธรรม
กระทรวงฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่ากรุงเทพมหานครจะพิจารณาทบทวน การดำเนินการให้ครบถ้วน และถูกต้องตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี และหลักธรรมาภิบาลที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยมุ่งเน้นที่ประโยชน์สูงสุดที่ประชาชนและภาครัฐพึงได้รับจากการดำเนินโครงการดังกล่าวต่อไป