“ดีเอสไอ” บุกจับตัวการใหญ่ 2 คนไทย เครือข่ายแชร์โซ่”บ.อีเกิ้ล”องค์กรข้ามชาติตุ๋นเหยื่อกว่า 1 พันล้าน

เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ท.ไพศิษฎ์ สังคหะพงศ์ ผู้อำนวยการกองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ ร่วมแถลงจับกุม นายรัฐเขต ฉายารัตน และนางกนกกุล พรอภิโชติ ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน” ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556 มาตรา 5 พ.ร.ก.การกู้ยืมเงิน ที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 4 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 ประกอบมาตรา 83

พ.ต.อไพสิฐ กล่าวว่า ดีเอสไอได้สืบสวนสอบสวน กรณี บริษัท อีเกิ้ล เกทส์ กรุ๊ป จำกัด กับพวก มีพฤติการณ์เป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ หลอกลวงผู้เสียหายให้ร่วมลงทุนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ซึ่งเป็นคดีพิเศษที่ ที่ 103/2560 คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถพิสูจน์ทราบพฤติการณ์การกระทำความผิดของบริษัท อีเกิ้ล เกทส์ กรุ๊ป จำกัด กับพวก ซึ่งยังความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและทำให้ประชาชนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ผลจากการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานดังกล่าว ศาลอาญาได้ออกหมายจับบุคคลชาวไทยและต่างชาติทั้งสิ้น 10 ราย ประกอบด้วยชาวต่างชาติ 8 ราย และชาวไทย 2 ราย คือ นายรัฐเขต ฉายารัตน และนางกนกกุล พรอภิโชติ ซึ่งเป็นตัวการใหญ่

พ.ต.อไพสิฐกล่าวอีกว่า.ต่อมาเมื่อวันที่ 12 ธันวาคมและ 14 ธันวาคม 2560 คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ โดยการสนธิกำลังกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และ ปปง. ได้จับกุมตัวนายรัฐเขต หรือครูกบ ฉายารัตน และนางกนกกุล พรอภิโชติ ผู้ต้องหาตามหมายจับ พร้อมเข้าตรวจค้นสถานที่ทั้งสิ้น 8 แห่ง ประกอบด้วยคอนโดลุมพินี เมกะซิตี้ บางนา 1 ห้อง คอนโดศุภาลัย ศรีนครินทร์ 3 ห้อง คอนโดศุภาลัย มาเร่ย์ พัทยา 1 ห้อง บ้านพักในจังหวัดแพร่ 2 หลัง และอาคารพาณิชย์ในจังหวัดแพร่ 2 คูหา ผลการตรวจค้น พบเอกสารและหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับบริษัท อีเกิ้ล เกทส์ กรุ๊ป จำกัด และสามารถตรวจยึดทรัพย์สินมีค่าได้จำนวนหนึ่ง ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบเพื่อขยายผล

พ.ต.อ.ไพสิฐยังกล่าวด้วยว่าจากการตรวจสอบพบว่าบริษัทดังกล่าวเข้ามาในไทยปี 2559 และไม่ได้จดทะเบียนประกอบกิจการในประเทศไทย โดยพฤติกรรมเป็นกลุ่มต่างชาติที่หลอกให้คนซื้อหุ้น ในลักษณะแชร์ลูกโซ่ เป็นการหาแม่ข่ายและลูกข่ายต่อยอดกันไป โดยระบุเป็นการนำเงินมาลงทุนไปซื้อซื้อขายดัชนีหุ้นต่างประเทศเพื่อทำกำไร อ้างว่าเงินลงทุนยังคงอยู่ ไม่หายไปและผลตอบแทนกลับคืนจะได้มากกว่า 100 เปอร์เซ็นต์ พร้อมทั้งยังสร้างความน่าเชื่อถือด้วยการจัดทำเว็บไซต์แสดงว่าเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลก มีการจัดบรรยายตามโรงแรมหรูต่าง ๆ ทั้ง ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด มีการแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินที่มีชื่อเสียง นับเป็นการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ และ ยังออกสื่อทั้งโทรทัศน์ เช่น ซีเอ็นเอ็น และหนังสือพิมพ์

“จากการตรวจสอบยังพบว่าขบวนการดังกล่าวจะให้ผู้เสียหายโอนเงินไปยังบัญชีของกลุ่มโพยก๊วน(โพย-ก๊วน) ซึ่งเป็นขบวนการเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและอยู่นอกประเทศ ขณะเดียวกันจะนำเงินไปฟอกเพื่อหลบหนีการยึดทรัพย์ของเจ้าหน้าที่ โดยทาง ดีเอสไอ กำลังเร่งติดตามจับกุมบุคคลตามหมายจับที่เหลือและเร่งขยายผลไปยังเครือข่ายต่อไป” พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าว

ด้าน พ.ต.ท.ไพศิษฎ์ กล่าวว่า สำหรับพฤติการณ์ในคดีนี้ คือ เมื่อประมาณเดือนธันวาคม 2559 มีผู้เสียหายหลายรายได้ยื่นหนังสือร้องเรียนมายังดีเอสไอ เพื่อร้องเรียนกรณีบริษัท อีเกิ้ล เกทส์ กรุ๊ป จำกัด กับพวก ซึ่งหลอกลวงให้ผู้เสียหายนำเงินไปร่วมลงทุน โดยอ้างว่าจะนำเงินลงทุนไปซื้อขายดัชนีหุ้นต่างประเทศเพื่อทำกำไร หากร่วมลงทุนแล้วจะได้ผลตอบแทนในอัตราที่สูงมากถึงร้อยละ 3 – 20 ต่อเดือนตามแพ็คเกจที่ลงทุน และสามารถถอนผลตอบแทนและเงินต้นคืนได้ตลอดเวลา กลุ่มผู้กระทำผิดได้หลอกให้ผู้เสียหายหลงเชื่อโดยสร้างความน่าเชื่อถือต่าง ๆ เช่น การจัดทำเว็บไซต์ที่แสดงว่าเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกมาจากสหรัฐอเมริกาและเปิดดำเนินการมาแล้วกว่า 10 ปี มีผู้เชี่ยวชาญที่จะนำเงินลงทุนของผู้เสียหายไปบริหารจัดการเพื่อให้ได้แต่ผลกำไรเท่านั้นโดยไม่มีการขาดทุน มีการแอบอ้างว่า มีสถาบันการเงินระดับโลกหลายแห่งเป็นผู้รับประกันสภาพคล่องทางการเงินให้กับบริษัทฯ มีการจัดบรรยายชักชวนตามโรงแรมหรูต่าง ๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งงานใหญ่ที่สุดจัดขึ้นที่พัทยา มีผู้ร่วมงานจำนวนหลายร้อยคน มีการแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินที่มีชื่อเสียง นับเป็นการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทฯ และดึงดูดให้ผู้เสียหายลงทุนมากขึ้น

พ.ต.ท.ไพศิษฎ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีการใช้บุคคลที่มีชื่อเสียงด้านการลงทุนและน่าเชื่อถือมาเป็นผู้บรรยายชักชวนเพื่อให้ผู้เสียหายเกิดความมั่นใจและหลงเชื่อร่วมลงทุนด้วย เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายจำนวนมาก คาดว่าน่าจะสูงถึงกว่า 1.7 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม จากการสืบสวนสอบสวน พบว่า บริษัท อีเกิ้ล เกทส์ กรุ๊ป จำกัดกับพวก ไม่ได้ประกอบธุรกิจจริงตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด ทั้งยังไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทใดๆ ในประเทศไทยอันจะสามารถจ่ายผลตอบแทนในอัตราที่สูงได้ตามที่โฆษณาอีกด้วย

พ.ต.ท.ไพศิษฎ์ กล่าวอีกว่ายังพบว่า กลุ่มผู้กระทำความผิดจำนวนมากทั้งชาวไทยและต่างชาติ ได้รวมตัวกันเพื่อก่อเหตุในคดีนี้โดยมีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ เนื่องจากมีการแบ่งหน้าที่กันทำ โดยร่วมกันวางแผนทั้งในและต่างประเทศเพื่อหลอกลวงผู้เสียหายในประเทศไทย และยังมีการจัดบรรยายชักชวนให้ผู้เสียหายในต่างประเทศหลงเชื่อร่วมลงทุนกับบริษัทฯ เช่น มาเก๊า จีน และมาเลเซีย ซึ่งในการแบ่งหน้าที่กันทำนั้นประกอบด้วย 2 กลุ่มหลักๆ คือ กลุ่มแรกทำหน้าที่ในการเปิดบริษัทและทำกิจกรรมเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ เช่น การจัดบรรยายตามโรงแรมต่างๆ และกลุ่มที่สองทำหน้าที่ในการยักย้ายถ่ายโอนเงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับจากผู้เสียหาย ซึ่งรวมถึงการเปิดบัญชีบริษัทนอมินีขึ้นมาเพื่อรับโอนเงินจากผู้เสียหายโดยเฉพาะ ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษกำลังเร่งติดตามจับกุมบุคคลตามหมายจับที่เหลือและเร่งขยายผลไปยังเครือข่ายต่อไป

พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ กล่าว่า ดีเอสไอจึงขอแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อของขบวนการนี้ ให้เข้ามาให้ข้อมูลกับคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อประโยชน์ของตัวท่านเองและประโยชน์ในทางคดี และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอฝากเตือนไปยังประชาชน ให้ระมัดระวังการชักชวนให้ลงทุนที่อ้างว่าจะให้ผลตอบแทนสูงกว่าอัตราที่สถาบันการเงินพึงจ่ายได้ และขอให้ตรวจสอบความเป็นมาของบริษัทหรือประวัติของผู้ชักชวนให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ หากมีข้อมูลหรือเบาะแสสามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่ดีเอสไอได้

 

 

ที่มา : มติชนออนไลน์