
GISTDA เผยพบจุดความร้อนทั่วประเทศไทย 760 จุด “แม่ฮ่องสอน” มากสุด 107 จุด ตามด้วย “ลำปาง-สกลนคร”
วันที่ 13 มีนาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA เปิดเผย ข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) วันที่ 12 มีนาคม 2565 พบจุดความร้อนทั้งประเทศ 760 จุด พบมากที่สุดในพื้นที่เกษตร 253 จุด พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 206 จุด พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 119 จุด พื้นที่เขต สปก. 94 จุด พื้นที่ชุมชนและอื่น ๆ 85 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 3 จุด
- เช็กเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท เข้าบัญชีวันนี้ 5 จังหวัด
- วิธีเช็กเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท chongkho.inbaac.com
- เช็กเงื่อนไขกู้ “ออมสิน” ปลดหนี้นอกระบบ คุณสมบัติผู้กู้ต้องมีอะไรบ้าง ?
ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากสุด คือ แม่ฮ่องสอน 107 จุด ลำปาง 53 จุด สกลนคร 40 จุด ตามลำดับ จากภาพ (ภาพด้านล่าง) แสดงให้เห็นว่า จุดความร้อนกลับมากระจายตัวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งในและนอกประเทศ นำโดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คาดว่าน่าจะเกิดจากการเตรียมพื้นที่เพื่อการเกษตร
โดยข้อมูลจุดความร้อนที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้วันนี้เวลา 11.00 น. ค่าเฉลี่ยคุณภาพอากาศปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) โดยรวมทั้งประเทศอยู่ในระดับปานกลาง โดยเฉพาะตอนบนของประเทศที่มีค่าคุณภาพอากาศที่เริ่มจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ
จากการรวบรวมข้อมูลจุดความร้อนตั้งแต่ 1 มกราคม – 12 มีนาคม 2565 พบว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจุดความร้อนแล้ว 10,523 จุด ตามด้วยภาคเหนือ 9,016 จุด และภาคกลาง 5,513 จุด ตามลำดับ
สำหรับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้าน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาครองแชมป์ต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ ซึ่งวันนี้พบสูงถึง 5,707 จุด รองลงมาอันดับ 2 เป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จำนวน 2,072 จุด และอันดับที่ 3 เป็นราชอาณาจักรกัมพูชา จำนวน 787 จุด ตามลำดับ ข้อมูลจุดความร้อนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ PM 2.5 ในประเทศไทย เนื่องจากมีลมพัดฝุ่นละอองและหมอกควันเข้ามา ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เหล่านี้ดูแลสุขภาพและสวมใส่หน้ากากอนามัยกันด้วยนะครับ
ทั้งนี้ ปัญหาไฟป่าหมอกควันส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงให้กับระบบต่าง ๆ ของประเทศมาโดยตลอด โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจ ระบบสังคม ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศไทยกำลังจะได้ใช้ระบบ THOES-2 อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่ง 1 ในภารกิจสำคัญของระบบนี้ คือการสำรวจ วิเคราะห์ และติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นหรือคาดว่าจะเกิดขึ้น ได้อย่างทันท่วงทีและแม่นยำ เพื่อการสนับสนุนข้อมูลสำคัญให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำข้อมูลไปใช้วางแผน ป้องกัน บรรเทา และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม รายละเอียดข้อมูลเฉพาะพื้นที่ท่านสามารถติดตามจากหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบโดยตรงได้ GISTDA ยังคงติดตามและรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้บริหารจัดการในพื้นที่ ท่านสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://fire.gistda.or.th