
ศาลอาญาคดีทุจริตฯนัดชี้ชะตา “ผู้กำกับโจ้” กับพวก ข้อหาร่วมฆ่าผู้ต้องหาทารุณ หลังอัยการยื่นฟ้องคดีอัตราโทษประหารสถานเดียว
วันที่ 8 มิถุนายน 2565 มติชนรายงานว่า วันนี้ ที่ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง ถนนเลียบทางรถไฟ ตลิ่งชัน นัดอ่านคำพิพากษาในคดีที่อัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้อง พ.ต.อ.ธิติสรรค์ หรือ โจ้ อุทธนผล หรือ ผกก.โจ้ กับพวกรวม 7 คน ในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้ายและ ร่วมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น
อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 157, 288, 289 (5), 309 วรรค 2 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 4,172
สืบเนื่องจากนายจิระพงศ์ หรือมาวิน ธนะพัฒน์ ผู้เสียชีวิต ซึ่งถูกจับและควบคุมไว้ในคดียาเสพติดและถูกฆ่าถึงแก่ความตายขณะอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงาน เมื่อช่วงระหว่างวันที่ 4-6 สิงหาคม พ.ศ. 2564 ที่ สภ.นครสวรรค์
ศาลนัดอ่านคำพิพากษาเวลา 09.30 น.
โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2564 นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกอัยการ กล่าวไว้ว่า คดีนี้อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นผู้มีอำนาจสั่งคดีตามที่กฎหมายระบุไว้ว่า คดีวิสามัญฆาตกรรม หรือการตายระหว่างการควบคุมของเจ้าหน้าที่ให้เป็นอำนาจของอัยการสูงสุด พิจารณาสั่งคดีเพียงคนเดียว ซึ่ง อสส.ได้พิจารณาสำนวนคดีอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว
จึงมีคำสั่งฟ้องครบทุกข้อหา โดยเฉพาะข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยทรมาน ทารุณโหดร้าย ตาม ป.อาญามาตรา 289 (5) โทษประหารชีวิตสถานเดียว
นายโชคชัย อ่างแก้ว ทนายความ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ กับพวกซึ่งเป็นผู้ใต้บังตับบัญชารวม 7 คน ว่า วันที่ 8 มิถุนายน นี้ เวลา 09.30 น. ศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบกลาง ถ.เลียบทางรถไฟ ย่านตลิ่งชัน ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีดังกล่าวหมายเลขดำ อท.180/2564 ที่อัยการฝ่ายคดีอาญาทุจริต 3 เป็นโจทก์ฟ้องคดี
โดยขณะนี้ จำเลยทั้ง 7 คน ไม่มีจำเลยคนใดได้รับการปล่อยชั่วคราว ยังคงถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ซึ่งในวันที่ 8 มิถุนายน ศาลน่าจะอ่านคำพิพากษาผ่านระบบจอภาพทางไกล หรือวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังเรือนจำ
ส่วนครอบครัวของอดีต ผกก.โจ้ ครอบครัวจำเลยอื่น ๆ และครอบครัวผู้ตายจะเดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วยหรือไม่นั้น ยังไม่ทราบ ที่ผ่านมาตนทำหน้าที่ทนายความให้อดีตผู้กำกับโจ้ถึงที่สุดแล้ว ผลคำพิพากษา จะเป็นเช่นไรไม่อาจคาดได้
คดีนี้เบื้องต้น อดีตผู้กำกับโจ้ ยอมรับว่า ใช้ถุงดำคลุมศีรษะผู้ตายจริง เพื่อหาข้อมูลการค้ายาเสพติด และจะขยายผลจับกุม มิได้มีเจตนาฆ่าผู้ตายแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม คำพิพากษาเป็นดุลพินิจของศาลที่ไม่อาจก้าวล่วงได้ เมื่อรับทราบผลคำพิพากษา ก็ต้องมาปรึกษากับครอบครัวของอดีตผู้กำกับโจ้ อีกครั้งว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป