ศบค.และ EOC กระทรวงสาธารณสุขรายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่วันนี้ (14 มิ.ย.) เพิ่ม 1,833 ราย เสียชีวิต 19 คน ป่วยหนักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 656 ราย ผลตรวจ ATK บวกเพิ่ม 2,006 ราย เผยไทยรั้งอันดับ 26 ของโลกแล้ว ดีขึ้นอีก 1 อันดับ
วันที่ 14 มิถุนายน 2565 ศูนย์ข้อมูล COVID-19 ของรัฐบาล และศูนย์ EOC กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) รายงานข้อมูลเบื้องต้น สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ จำนวน 1,833 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยในประเทศ 1,832 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 1 ราย ผู้ป่วยสะสม 2,265,062 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
วันนี้มีหายป่วยกลับบ้านเพิ่ม 2,155 ราย หายป่วยสะสม 2,268,190 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) และผู้ป่วยกำลังรักษาตัว 21,445 ราย
ส่วนผู้ป่วยเสียชีวิตวันนี้มีจำนวน 19 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 8,670 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 656 ราย
ทางด้านกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานผลตรวจ ATK วันนี้ว่า พบผู้ติดเชื้อเข้าข่ายเพิ่ม 2,006 ราย รวมยอดผู้ป่วยใหม่บวกผลตรวจ ATK วันนี้อยู่ที่ 3,839 ราย มีผู้ป่วยหนักต้องใส่ท่อช่วยหายใจ 329 คน จากจำนวนผู้ป่วยหนักรักษาตัวในโรงพยาบาลทั้งหมด 656 คน(ตามตาราง)
ขณะที่ตัวเลขผู้ป่วยกำลังรักษาตัวล่าสุดมีจำนวน 21,445 คน อยู่ในรพ. 11,762 คน และอยู่ในรพ.สนามและอื่นๆจำนวน 9,683 คน โดยทั้งสองส่วนมีแนวโน้มลดลง
ส่วนสถานการณ์ผู้ป่วยรายวัน และผู้ป่วยเสียชีวิตเฉลี่ย 14 วันย้อนหลัง ทิศทางทรงตัว โดยวันนี้ผู้ป่วยรายวันเฉลี่ยอยู่ที่ 2,717 ราย และผู้ป่วยเสียชีวิตเฉลี่ยอยู่ที่ 25 ราย ส่วนผู้ป่วยปอดอักเสบอยู่ที่ 656 ราย และใส่ท่อช่วยหายใจ 329 ราย
สำหรับผู้เสียชีวิต 19 รายในวันนี้ อยู่ในกลุ่ม 608 ทั้ง 19 ราย หรือคิดเป็น 100% และมีผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนบูสเตอร์โดส 18 ราย
และเมื่อแยกตามพื้นที่ของผู้เสียชีวิตพบว่าอยู่ในภาคอีสานรวม 7 ราย ภาคกลางและภาคตะวันออกรวม 7 ราย ภาคเหนือ 2 ราย ภาคใต้ 2 รายกทม. 1 ราย และวันนี้จังหวัดปริมณฑลไม่มีผู้เสียชีวิค ส่วนปัจจัยเสี่ยงยังมาจากโรคมะเร็ง โรคไต อ้วน หลอดเลือดสมอง หัวใจและภาวะติดเตียง
สำหรับผู้มารับวัคซีน ณ วันที่ 13 มิถุนายน 2565 มีผู้รับการฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 จำนวน 1,759 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 2,742 ราย และเข็มที่ 3 จำนวน 10,849 ราย และระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 – 13 มิถุนายน 2565 มีผู้รับวัคซีน สะสมทั้งหมด จำนวน 138,697,935 โดส
- จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 56,860,010 ราย
- จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 52,923,673 ราย
- จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม : 28,929,602 ราย
ส่วนสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทั่วโลก ข้อมูล ณ วันอังคารที่ 14 มิถุนายน 2565 เวลา 10.00 น. มียอดผู้ติดเชื้อรวม 541,033,564 ราย อาการรุนแรง 36,166 ราย รักษาหายแล้ว 516,284,997 ราย เสียชีวิต 6,332,482 ราย
ขณะที่อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด 1.สหรัฐอเมริกาจำนวน 87,424,846 ราย 2.อินเดียจำนวน 43,235,241 ราย 3.บราซิลจำนวน 31,497,038 ราย 4.ฝรั่งเศส จำนวน 29,858,393 ราย 5.เยอรมนีจำนวน 26,886,447 ราย
ส่วนประเทศไทยล่าสุดอยู่ในอันดับที่ 26 ของโลก ดีขึ้นจากวานนี้(อันดับ 25) 1 อันดับ จากจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสม 4,488,497 ราย
สรุปยอดผู้ติดเชื้อ-เสียชีวิตย้อนหลังตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2565
วันที่ 1 มิถุนายน 2565 : ผู้ติดเชื้อ 4,563 ราย : เสียชีวิต 28 ราย
วันที่ 2 มิถุนายน 2565 : ผู้ติดเชื้อ 2,560 ราย : เสียชีวิต 34 ราย
วันที่ 3 มิถุนายน 2565 : ผู้ติดเชื้อ 7,363 ราย : เสียชีวิต 32 ราย
วันที่ 4 มิถุนายน 2565 : ผู้ติดเชื้อ 3,001 ราย : เสียชีวิต 30 ราย
วันที่ 5 มิถุนายน 2565 : ผู้ติดเชื้อ 3,236 ราย : เสียชีวิต 28 ราย
วันที่ 6 มิถุนายน 2565 : ผู้ติดเชื้อ 2,162 ราย : เสียชีวิต 27 ราย
วันที่ 7 มิถุนายน 2565 : ผู้ติดเชื้อ 2,224 ราย : เสียชีวิต 20 ราย
วันที่ 8 มิถุนายน 2565 : ผู้ติดเชื้อ 2,688 ราย : เสียชีวิต 21 ราย
วันที่ 9 มิถุนายน 2565 : ผู้ติดเชื้อ 3,185 ราย : เสียชีวิต 23 ราย
วันที่ 10 มิถุนายน 2565 : ผู้ติดเชื้อ 2,836 ราย : เสียชีวิต 24 ราย
วันที่ 11 มิถุนายน 2565 : ผู้ติดเชื้อ 2,501 ราย : เสียชีวิต 28 ราย
วันที่ 12 มิถุนายน 2565 :ผู้ติดเชื้อ 2,474 ราย : เสียชีวิต 20 ราย
วันที่ 13 มิถุนายน 2565 : ผู้ติดเชื้อ 1,801 ราย : เสียชีวิต 15 ราย
วันที่ 14 มิถุนายน 2565 : ผู้ติดเชื้อ 1,833 ราย : เสียชีวิต 19 ราย
หมายเหตุ : * เนื่องจากตั้งแต่ 1 มิ.ย. 65 เป็นต้นมา มีการปรับระบบรายงาน โดยรายงานเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องรับการรักษาในโรงพยาบาลจึงทำให้รายงานยอดผู้ป่วยสะสม มีจำนวนที่น้อยกว่ายอดผู้หายป่วยสะสม