สธ.ตอบกลับ “ภูมิธรรม” เพื่อไทย ทวีตวัคซีนหมดอายุ เพราะใช้ไม่ทัน

สธ ภูมิธรรม

สธ. แจง “ภูมิธรรม” ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ชี้วัคซีนเป็นเรื่องความมั่นคง ยันวัคซีนไม่ขาด แต่ที่ยังเหลือเพราะโควิดดีขึ้น ประชาชนยังไม่มารับเข็มกระตุ้น   

วันที่ 23 มิถุนายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ถึงวัคซีนโควิด-19 และการอนุญาตให้ประชาชนใช้กัญชา โดยไม่ผิดกฎหมาย

โพสต์ดังกล่าวระบุว่า “คำขวัญ วันนี้… วัคซีนเต็มแขน” วัคซีนกำลังจะหมดอายุ เต็มทุกสถานีอนามัย เพราะสั่งเข้าแบบไม่มีแผนใช้งานไม่ทันจนหมดอายุการใช้ไปก่อน ส่วน “กัญชา เต็มปอด” เพราะรีบโฆษณาเกินจริงก่อนรีบหาวิธีป้องกัน !!”

ภูมิธรรม

สธ. ชี้ วัคซีนเหลือ ไม่ใช่ “ขาด”

ล่าสุด นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ หัวหน้าที่ปรึกษาระดับกระทรวง และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงเรื่องวัคซีนเป็นเรื่องของความมั่นคงทางด้านสุขภาพของประเทศ เป็นเรื่องปกติของทุกประเทศที่จะมีวัคซีนเหลือ ไม่ใช่วัคซีนขาด

ส่วนการสั่งจองและซื้อวัคซีนโควิดเข้ามาเพื่อปกป้องประชากรทั่วประเทศและเรื่องหมดอายุนั้น ขอชี้แจงว่า วัคซีนโควิดแต่ละชนิดจะต้องสั่งจองล่วงหน้าเป็นปีหรือหลายเดือน เนื่องจากกระบวนการผลิตมีความซับซ้อนและใช้เวลานาน เมื่อผลิตออกมาแล้วจะขอขึ้นทะเบียน อย.เพื่อใช้ในภาวะฉุกเฉิน ซึ่งกำหนดวันหมดอายุ 6 เดือนนับจากวันที่ผลิต หากภายหลังตรวจสอบคุณภาพและประเมินผลแล้วสามารถที่จะนำมาฉีดได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิผล อย.ก็จะอนุมัติให้ขยายอายุวัคซีนเพื่อให้บริการประชาชนได้มากที่สุด

“เป็นเรื่องพื้นฐานความมั่นคงด้านวัคซีนของประเทศ การจองวัคซีนต้องให้มีจำนวนเพียงพอต่อการป้องกันโรคและรับมือการระบาด ซึ่งในต่างประเทศก็มีการจองวัคซีนไว้ตามความต้องการสูงสุดสำหรับประชาชนทุกคน ซึ่งต้องมีเข็มกระตุ้นด้วย และมีวัคซีนหมดอายุ เช่น ญี่ปุ่น มีข่าวบริจาคและทำลายวัคซีนโควิดมากกว่า 100 ล้านโดส ในหลายเดือนที่ผ่านมา”

ยัน 24 ล้านคนต้องการฉีดวัคซีน

นพ.รุ่งเรือง กล่าวว่า ส่วนการบริหารจัดการวัคซีนและคาดการณ์ประมาณการฉีดวัคซีน มีการดำเนินการล่วงหน้า โดยจัดหาและจัดส่งวัคซีนไปให้อย่างเพียงพอ ซึ่งจากฐานข้อมูลของ สธ.คาดว่า ยังมีผู้ที่จำเป็นต้องได้รับเข็มกระตุ้นอีก 24 ล้านคน

สอดคล้องกับปริมาณวัคซีนที่ได้จัดส่งไปให้กับพื้นที่และหน่วยบริการดำเนินการ แต่ช่วงนี้มีการฉีดวัคซีนได้น้อย เนื่องจากสถานการณ์การระบาดดีขึ้นอย่างมาก และประชาชนยังไม่มารับวัคซีนเข็มกระตุ้น

“การจัดหาวัคซีนไว้เหลือเป็นแนวทางบริหารจัดการตามมาตรฐานสากล และหลักความมั่นคงทางด้านสุขภาพ และตอบโต้ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข ซึ่งขณะนี้ไทยมีวัคซีนเหลืออยู่ที่คลังส่วนกลาง 29 ล้านโดส และคลังส่วนภูมิภาค 13 ล้านโดส การดำเนินการตามนโยบาย คือ ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงวัคซีนได้มากที่สุด จึงเป็นที่มาของการเร่งรัดประชาสัมพันธ์และรณรงค์ให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้ารับเข็มกระตุ้นโดยจัดส่งวัคซีนไปไว้ที่ รพ.สต. เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกมากที่สุด” นพ.รุ่งเรือง กล่าว