6 ชาวเลราไวย์ถูกรวบ จนท.อ้างดำน้ำจับสัตว์ทะเลเขตอุทยาน หน.ชุดยันผิดจริง

เมื่อช่วงค่ำวันที่ 8 มกราคม เพจเฟซบุ๊กชื่อ “ชาวเล ราไวย์” ได้มีการโพสต์ภาพชาวเลราไวย์จำนวน 6 คน ซึ่งถูกจับกุม พร้อมข้อความระบุว่า “ด่วน..!! #แจ้งเพื่อนชาวเลและสื่อมวลชน

ตอนนี้อุทยานฯสิรินาท จับชาวเลราไวย์ 6 คน หลังแวะเข้าในเขต พักรักษาอาการ “น้ำหนีบ” รุนแรง..แจ้งข่าวด่วนจากพี่น้องราไวย์ว่า ตอนนี้ชาวเลราไวย์ ภูเก็ต 6 คน ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานสิรินาถ ภูเก็ตจับ เพราะชาวเลกลับจากหาปลาที่พังงา และมี 1 คนป่วยเพราะน้ำหนีบ จึงต้องจอดเรือฉุกเฉินที่เขตอุทยานฯ ในเวลา 10:00 น.-12:00 น. เพื่อให้ผู้ป่วยได้ปรับตัวจากสภาพน้ำหนีบ (คือการลงน้ำและขึ้นจากน้ำอย่างช้าๆ ตามวิธีชาวเล) แต่เจ้าหน้าที่อุทยานฯจับ และจะให้ชาวเลรับสารภาพ จ่ายค่าปรับคนละ 2 – 3 พันบาท ชาวเลไม่ยอมเพราะไม่ได้ทำผิด ปลาที่หามาไม่ได้หาในเขตอุทยานฯ จึงต้องถูกส่งสถานีตำรวจฯ จึงประสานไปทางกองทุนยุติธรรมเรื่องประกันตัวด่วน .. หมายเหตุ..(คนป่วยได้นำส่งโรงพยาบาลแล้ว)”

นายนิรันดร์ หยังปาน หนึ่งในตัวแทนชาวเลราไวย์ที่ไปติดตามสถานการณ์อยู่ที่ สภ.สาคู ระบุว่า จากการสอบถามทั้ง 6 รายที่ถูกจับกุมยืนยันว่า ไม่ได้จับปลาในเขตพื้นที่อุทยานสิรินาถ แต่ได้วิ่งเรือมาจากพื้นที่ อ.คุระบุรี จ.พังงา หลังจากไปดำน้ำหาปลา เมื่อวิ่งเรือมาถึงบริเวณทิศตะวันตกของเกาะภูเก็ต ได้แต่มี 1 ในชาวเลทราบชื่อคือนายทะนงศักดิ์ เกาะงาม อายุ 41 ปี ซึ่งถูกน้ำหนีบ (อาการร่างกายปรับตัวในความกดอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปไม่ได้) ทำให้มีอาการหน้ามืด ตาลาย แขนขาอ่อนแรง จึงต้องแวะหาสถานที่น้ำตื้นเพื่อที่ลงดำปรับสภาพร่างกาย เมื่อมาถึงบริเวณหน้าหาดในทอนจึงพบว่าเป็นพื้นที่เหมาะสมจึงจอดเรือและลงดำ ระหว่างนั้นคนบนเรือได้หุงข้าวรอ ก่อนเจ้าหน้าที่จับกุม โดยขณะนี้ 1 รายคือนายทะนงศักดิ์ เกาะงาม อยู่ที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ส่วนอีก 5 รายอยู่ที่สภ.สาคู โดยหลังจากที่ได้พูดคุยกับพนักงานสอบสวน สภ.สาคู ในเบื้องต้น ทราบว่า ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาหลายข้อ และต้องมีการใช้หลักทรัพย์ยื่นประกันตัว รายละ 5 หมื่นบาท ซึ่งขณะนี้ได้มีหลายฝ่ายเข้ามาช่วยเหลือในการยื่นขอประกันตัว

ด้านนายวิทูรย์ เดชประมวลพล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ หัวหน้าชุดจับกุมระบุว่า การจับกุมดังกล่าว สืบเนื่องจากช่วง 3 วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่ามีการลักลอบดำน้ำจับสัตว์ทะเลในเขตอุทยานฯแห่งชาติสิรินาถ ในแนวปะการังพื้นที่ทางทะเล จึงสั่งการให้ในเครือข่ายช่วยเฝ้าระวัง กระทั่ง เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้รับแจ้งจากเครือข่ายว่ามีการลักลอบดำน้ำจับสัตว์ทะเลในพื้นที่อุทยานฯ จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่อุทยานฯ นำโดย นายพงษ์พันธุ์ แพน้อย หัวหน้าชุดปฏิบัติการสายตรวจปราบปรามพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ 8 นาย เข้าตรวจสอบพบเรือจอดอยู่ 1 ลำ ซึ่งกำลังลงดำยิงสัตว์น้ำ จึงเข้าทำการจับกุมตัว ผู้ต้องหา 6 ราย ประกอบด้วย 1.นายปัญญา เกาะงาม อายุ 46 ปี 2.นายพิชิต บางจาก อายุ 42 ปี 3.นายอนัน บางจาก อายุ 56 ปี 4.นาย ทะนงศักดิ์ เกาะงาม 5.นายทวีเลิศ หาญทะเล อายุ 50 ปี และ 6.ด.ช.อายุ 14 ปี พร้อมของกลาง สัตว์ทะเล 22 ชนิด ประกอบด้วย 1.กุ้งแดง 7 ตัว 2.กุ้งมังกร 7 สี 1 ตัว 3.กุ้งมังกรแดง 1 ตัว 4.หมึกกระดอง 2 ตัว 5.ปลาสินสมุทร 3 ตัว 6.ปลาเก๋าดอกแดง 5 ตัว 7.ปลาเก๋าดอกดำ 1 ตัว 8.ปลานกแก้วหัวโหนก 5 ตัว 9.ปลิงทะเล 4 ตัว 10.ปลานกแก้วเขียว 10 ตัว 11.ปลานกแก้วแดง 3 ตัว 12.ปลาเก๋าลาย 41 ตัว 13.ปลาเก๋าลิง 4 ตัว 14.ปลาเก๋าหมูลาย 2 ตัว 15.ปลาเก๋าตุ๊กแก 3 ตัว 16.ปลาเก๋าจุดฟ้า 2 ตัว 17.ปลาวัว 1 ตัว 18.ปลาเก๋ากลื้น 20 ตัว 19.ปลาเหลา 2 ตัว 20.ปลากระพงแดง 6 ตัว 21.ปลาเก๋าเพลิง 4 ตัว 22.ปลาขี้ตังเบ็ด 1 ตัว รวมทั้งสิ้น 123 ตัว นำหนักกว่า 59.4 กิโลกรัม นอกจากนี้ยังมีของกลางอื่นๆ ที่ใช้ในการกระทำความผิด เช่น เรือ เครื่องปั๊มอากาศ ท่อสายยาง หน้ากากดำน้ำ เหล็กแหลมยิงปลา และอื่นๆ รวม 18 รายการ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดและนำตัวมาสอบสวนและทำบันทึกที่สำนักงานฯ ซึ่งระหว่างนั้นชาวเลทั้ง 6 รายไม่ได้แจ้งว่ามีอาการน้ำหนีบหรือแจ้งว่าป่วยแต่อย่างใด

นายวิทูรย์กล่าวว่าระหว่างที่ทำบันทึก เจ้าหน้าที่ได้ให้ชาวเลฯทั้ง 6 ราย รับประทานอาหารตามปกติ ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.สาคูตามกฏหมาย โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า “กระทำผิดตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 มาตรา 16 (3) นำสัตว์ออกไป หรือกระทำการใดใดให้เป็นอันตรายแก่สัตว์, มาตรา 16 (13) เข้าไปดำเนินกิจการใดๆ เพื่อหาประโยชน์ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่, มาตรา 16 (15) นำเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์หรือจับสัตว์ หรืออาวุธใดใดเข้าไป เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงาน เจ้าหน้าที่ และปฏิบัตตามเงื่อนไขซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ ผู้อนุญาตกำหนดไว้ และมาตรา 18 บุคคลซึ่งเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติต้องปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งได้สั่งให้ปฏิบัติตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด โดยอนุมัติของรัฐมนตรี โดยคิดเป็นค่าเสียหายรวม 12,738 บาท อย่างไรก็ตามขอยืนยันเจ้าหน้าที่ทำตามกระบวนการกฏหมาย ไม่ได้มีการกลั่นแกล้งพี่น้องชาวเล แต่เจตนาทำเพื่อปกป้องทรัพยากรทางทะเล ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่ามีการลักลอบจับสัตว์ทะเลในพื้นที่อุทยานในลักษณะดังกล่าวบ่อยครั้ง แต่ไม่สามารถจับกุมดำเนินคดีได้ ส่งผลให้สัตว์ทะเลลดน้อยลง และปะการังในบริเวณพื้นที่อุทยานเสื่อมโทรมอย่างรวดเร็ว หากยืนยันความบริสุทธ์ก็ขอให้ต่อสู้ในขั้นตอนตามกฏหมาย

 

ที่มา : มติชนออนไลน์