ศักดิ์สยาม สั่ง กรมทางหลวง ถอดบทเรียนคานสะพานลอยหล่นทับรถ

“ศักดิ์สยาม” สั่งกรมทางหลวงถอดบทเรียน กรณี “คานสะพานลอยกลับรถ กม.34 หล่นทับรถยนต์บนถนนพระราม 2” เน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยของประชาชน

วันที่ 3 สิงหาคม 2565 จากอุบัติเหตุคานสะพานลอยกลับรถ กม.34 หล่นทับรถยนต์บนถนนพระราม 2 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บ 2 ราย เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 31 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา และมีความจำเป็นต้องปิดเส้นทางการจราจร เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในการเดินทางนั้น

นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีความห่วงใยผู้ใช้ทาง ได้ติดตามสถานการณ์ และสั่งการโดยตลอด เน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยประชาชน และการจราจรบริเวณโครงการระหว่างการก่อสร้างบนทางหลวงทุกโครงการทั่วประเทศ พร้อมให้เร่งช่วยเหลือผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บอย่างเต็มที่ และดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา ให้เกิดความชัดเจน เพื่อเป็นบทเรียนไม่ให้เกิดขึ้นอีก

โดยสั่งการให้อธิบดีกรมทางหลวง พร้อมด้วยผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันวางแผนและเข้าดำเนินการแก้ไขเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างรอบคอบและครอบคลุมทุกมิติ ดังนี้

1. “การแก้ปัญหาในพื้นที่เกิดเหตุ” อธิบดีกรมทางหลวง ร่วมกับผู้อำนวยการศูนย์สร้างและบูรณะสะพานที่ 3 (ปทุมธานี) และผู้อำนวยการแขวงทางหลวงสมุทรสาคร ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุการณ์ทันทีเมื่อทราบเหตุในคืนนั้น เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2565 ทีมผู้เชี่ยวชาญจากวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.)

และวันที่ 2 สิงหาคม 2565 ทีมผู้เชี่ยวชาญจาก วสท. และจากสภาวิศวกร ได้ร่วมลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบและวิเคราะห์หาสาเหตุของอุบัติเหตุ พร้อมทั้งได้เข้าประชุมร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมของกรมทางหลวง เพื่อกำหนดขั้นตอนและวางแผนการรื้อย้ายคานสะพาน

ซึ่งกรมทางหลวงได้ทำการรื้อย้ายคานสะพานแล้วเสร็จในวันที่ 3 สิงหาคม 2565 เวลาประมาณ 03.30 น. ขณะนี้ประชาชนสามารถเดินทางสัญจรบนทางหลวงดังกล่าวได้แล้วตามปกติอย่างปลอดภัย

ทั้งนี้ ในขั้นตอนต่อไปจะทำการเข้าตรวจสอบความแข็งแรงของโครงสร้างสะพานโดยทีมผู้เชี่ยวชาญ และเร่งพิจารณาออกแบบ กำหนดแนวทางก่อสร้างซ่อมแซมที่เหมาะสม เพื่อให้สะพานลอยกลับรถสามารถใช้งานได้อย่างมั่นคงแข็งแรง และปลอดภัยโดยเร็ว

2. “การเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ” กรมทางหลวงได้เร่งติดต่อให้ความช่วยเหลือทุกกรณี

สำหรับผู้เสียชีวิต จำนวน 2 ราย กรมทางหลวงขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง โดยนายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวงได้เดินทางไปแสดงความเสียใจและร่วมพิธีสวดพระอภิธรรม นางสาวสุวรรณี รักท้วม พร้อมมอบเงินช่วยเหลือในเบื้องต้น และขอรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการจัดงานพิธีสวดพระอภิธรรมทั้งหมดจนถึงวันฌาปนกิจ โดยมีผู้บริหารกรมทางหลวงเข้าร่วมพิธีสวดพระอภิธรรมทุกคืน และเตรียมแนวทางการเยียวยาและการดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่หลังจากเสร็จสิ้นงานแล้ว

สำหรับนายชาญ ขาวทอง พนักงานโยธา สังกัดศูนย์สร้างและบูรณะสะพานที่ 3 (ปทุมธานี) กรมทางหลวง ซึ่งเป็นผู้เสียชีวิตในระหว่างการปฏิบัติงาน ได้มอบหมายให้ผู้อำนวยการสำนักงานทางหลวงที่ 9 (อุบลราชธานี) และแขวงทางหลวงอุบลราชธานี เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบงานพิธีสวดพระอภิธรรม และจัดงานให้อย่างสมเกียรติ

โดยในวันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม 2565 อธิบดีกรมทางหลวง จะเดินทางไปร่วมพิธีฌาปนกิจ ที่อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งนอกจากจะได้รับเงินตามสิทธิประโยชน์แล้ว กรมทางหลวงจะเยียวยาและดูแลครอบครัวของนายชาญ ขาวทอง อย่างเต็มทีต่อไป

ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจำนวน 2 ราย มีอาการดีขึ้นและออกจากโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว โดยนายฉัตรชัย สิริมาศ ซึ่งเป็นลูกจ้างชั่วคราว กรมทางหลวง ปัจจุบันพักรักษาตัวอยู่ที่แคมป์โครงการ กรมทางหลวงจะดูแลอย่างใกล้ชิดจนกว่าจะหายดี

สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บอีกหนึ่งราย คือ นางสาวลักขณา จงสิริโรจน์กุล โดยรวมมีอาการบาดเจ็บเล็กน้อย ปัจจุบันอาการหายดีแล้ว กรมทางหลวงได้มอบหมายให้นายสมบัติ ประภพรัตนกุล ผู้อำนวยการศูนย์สร้างและบูรณะสะพานที่ 3 (ปทุมธานี) เข้าเยี่ยมเยียน ให้กำลังใจ และให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว

และสำหรับการเยียวยาช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเสียหายด้านทรัพย์สินอีก 2 ราย ได้แก่ เจ้าของรถยนต์ หมายเลขทะเบียน 3 ฒธ 5940 กรุงเทพมหานคร และพนักงานขับรถบรรทุกน้ำมันนั้น อธิบดีกรมทางหลวงมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ประสานสอบถามเพื่อพิจารณาการให้ความช่วยเหลือแล้ว โดยในวันนี้ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงสมุทรสาครได้เข้าเยี่ยมและให้กำลังใจแก่เจ้าของรถยนต์หมายเลขทะเบียน 3 ฒธ 5940 แล้ว ซึ่งจะได้เข้าเยี่ยมและให้กำลังใจแก่พนักงานขับรถบรรทุกน้ำมันโดยเร็วต่อไป

3.”การแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง” กรมทางหลวงได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว โดยมีวิศวกรใหญ่ด้านควบคุมการก่อสร้างเป็นประธาน และวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมโครงสร้างสะพานของกรมทางหลวง เป็นคณะกรรมการ

ทั้งนี้ เพื่อให้ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงมีความโปร่งใสและเป็นที่ยอมรับ กรมทางหลวงได้ขอความอนุเคราะห์จากองค์กรวิชาชีพภายนอก ได้แก่ ผู้แทน วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) และผู้แทน สภาวิศวกร ซึ่งเป็นองค์กรที่ได้รับการยอมรับและมีบุคลากรที่เชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรมโยธา เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย โดยจะทราบผลภายใน 14 วัน

นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวว่า ในนามของกรมทางหลวง กราบขออภัยเป็นอย่างสูงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอยืนยันว่าจะทำทุกอย่าง ทุกวิธี เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางของพี่น้องประชาชน