
คอลัมน์ : คุยกับเอกราช ผู้เขียน : เอกราช เก่งทุกทาง
สัปดาห์ที่ผ่านมา วงการฟุตบอลมีเรื่องเซอร์ไพรส์…
ลิเวอร์พูล ว่าที่แชมป์พรีเมียร์ ลีก กลายเป็นบันไดส่งคู่แข่ง 2 ทีมขึ้นฟ้า
ส่ง ปารีส แซง แชร์กแมง ให้เดินหน้าล่าแชมป์ยุโรป แชมเปี้ยน’ส ลีก และส่ง สาลิกาดง นิวคาสเซิ่ล ขึ้นแท่นคว้าแชมป์บอลถ้วยอังกฤษครั้งแรกในรอบ 70 ปี
นิวคาสเซิ่ล ปราบ ลิเวอร์พูล 2-1 ได้แชมป์ลีกคัพ (คาราบาวคัพ) ครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร แถมเป็นการชนะด้วยฟอร์มยอดเยี่ยม เล่นดีกว่าเกือบตลอดเกม
ชาวโลกอาจจะมองเป็นถ้วยเล็ก ถ้วยน้ำจิ้ม แต่ความรู้สึกของทูน อาร์มี่ แฟนบอลสาลิกา มันคือถ้วยปลดล็อก พานิวคาสเซิ่ลก้าวไปสู่ยุคทองของสโมสร
นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ตั้งทีมมา 133 ปี เป็นแชมป์ลีกสูงสุดครั้งสุดท้าย ตั้งแต่ปี 1927 เป็นแชมป์เอฟ เอ คัพ หลังสุดปี 1955
เงียบเหงามานาน เป็นทีมเกรดรองมานาน
แต่ทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไป
เป็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการเทกโอเวอร์ของกลุ่มทุนจากซาอุดีอาระเบีย เมื่อปี 2021
ฤดูกาล 2021-22 สาลิกาดงอยู่ในสภาพร่อแร่ เล่นพรีเมียร์ลีก 14 นัดแรก ไม่มีชนะ ส่อแววว่าน่าจะตกชั้นไปเล่นลีกรอง แชมเปี้ยนชิพ
แต่เดือน ตุลาคม 2021 เจ้าของสโมสร ไมค์ แอชลี่ย์ ยอมขายทีมให้กลุ่มทุนจากซาอุฯ ในราคา 305 ล้านปอนด์ นับจากนั้นนิวคาสเซิ่ลก็ติดปีก โกยแต้มอุตลุด หนีท้ายตารางขึ้นมาจบอันดับ 11
นายทุนใหม่เข้ามาสังคายนาทีมใหม่ ดึง เอ็ดดี้ ฮาว มาเป็นกุนซือ ทุ่มเงินซื้อนักเตะคุณภาพสูง ปีแรกได้ คีแรน ทริปเปียร์, บรูโน่ กีมาไรช์, แดน เบิร์น
ปีที่ 2 ซื้อ อเล็กซานเดอร์ อิซัค, แอนโธนี่ กอร์ดอน, สเวน บ็อทมัน และประตู นิค โป๊ป
ทุกคนคือแกนหลักขับเคลื่อนทีม ไต่อันดับในลีก กลายเป็นมหาอำนาจใหม่ ที่น่าจับตามองที่สุด
ว่ากันว่า นิวคาสเซิ่ล คือทีมที่รวยที่สุดในอังกฤษ รวยกว่าแมนฯ ซิตี้ แต่ผู้บริหารไม่อยากท้าทายกฎการเงิน รวมทั้งอยากปูพื้นฐานให้แข็งแกร่ง ยกระดับทีมขึ้นไปทีละขั้น
แชมป์คาราบาวคัพ คือขั้นที่ 2 ต่อไปคือ อัพเกรดเป็นทีมท็อปโฟร์อย่างสม่ำเสมอ
ก่อนจะเริ่มลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกเต็มตัว !
ภายใต้การนำของกุนซือ เอ็ดดี้ ฮาว ดาวยิง อเล็กซานเดอร์ อิซัค ปีกจอมลุย แอนโธนี่ กอร์ดอน และมิดฟิลด์ บรูโน่ กีมาไรช์
อิซัค คือเป้าหมายของบิ๊กทีม อาร์เซน่อล ลิเวอร์พูล บาร์เซโลน่า อยากได้ แต่ทุกทีมที่ว่ามาไม่มีใครรวยกว่านิวคาสเซิ่ล เจ้าของทีมชาวซาอุฯ ก็ยืนกรานว่าไม่ขาย
เพราะงานใหญ่รออยู่ข้างหน้า สาลิกาดงต้องการเป็นเบอร์ 1 ของลีก นักเตะทุกคนจึงต้องกอดคอกันไปต่อ
นิวคาสเซิ่ล รอแชมป์เมเจอร์มา 70 ปี แต่เป้าหมายตอนนี้คือ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกภายใน 4 ปี
ยิ่งถ้าฤดูกาลหน้าได้เล่นแชมเปี้ยน’ส ลีก นอกจากไม่ขาย อิซัค ยังจะมีตัวใหม่เข้ามาเพิ่มอีกเพียบ
บางทีแชมป์คาราบาวคัพ อาจเป็นถ้วยน้ำจิ้มของนิวคาสเซิ่ลจริง ๆ
เพราะ “จานหลัก” รอเสิร์ฟปีหน้า !