อย่าเพิ่งด่า VAR

การเอา VAR มาใช้เป็นครั้งแรกในบอลโลก ถูกมองอยู่แล้วว่าต้องมีเรื่องให้ถกเถียง แล้วก็เป็นไปตามคาดทุกอย่าง

VAR (video assistant referee) คือเครื่องมือที่ฟีฟ่าหวังเอามาเพิ่มความถูกต้องให้การตัดสินใน 4 ประเด็น คือลูกได้หรือไม่ได้ประตู, จุดโทษหรือไม่, ใบแดงหรือไม่ รวมทั้งช่วยป้องกันการลงโทษนักเตะผิดคน

ผมว่า VAR มีประโยชน์ในระดับหนึ่ง แต่ที่โดนวิพากษ์วิจารณ์เพราะคนคาดหวังว่ามันจะแม่นยำกว่านี้ และจับผิดได้ทุกลูก

อย่าลืมว่า VAR ก็คือทีมงานผู้ตัดสินอีก 1 ชุด ที่นั่งเช็กมุมกล้องจากจอมอนิเตอร์ การตัดสินด้วย VAR มาจากการตัดสินของคน ไม่ใช่เครื่องจักร

เรื่อง “หลุด” ย่อมเป็นไปได้อยู่แล้ว

บอลโลกคราวนี้มีหลายลูกที่เกิดคำถามว่า กรรมการ VAR ปล่อยหลุดไปได้ยังไง ไม่เห็นจังหวะทำฟาวล์ได้ยังไง

โดยเฉพาะลูกที่แฮรี่ เคน กองหน้าอังกฤษ โดนนักเตะตูนิเซียล็อกตัว

แทบจะจับทุ่มลงพื้น ดูยังไงก็ต้องเป็นจุดโทษ แต่ทั้งกรรมการในสนามและทีม VAR กลับปล่อยให้ผ่านไปซะยังงั้น

ด้วยความเคารพนะครับ, ผมว่าบางทีกรรมการอาจจะกั๊กกันเอง

ตามกฎของฟีฟ่า คนที่ขอเช็ก VAR ได้คือ กรรมการ VAR เท่านั้น กรรมการในสนามไม่สามารถพูดว่า “ผมไม่ชัวร์…VAR ช่วยหน่อย” แบบนี้ผิดหลักการ

แต่ถ้ากรรมการ VAR ไม่เห็นว่ามีความผิดพลาดที่ชัดเจนจริง ๆ

หรือฟาวล์จริง ๆ จะยึดการตัดสินของกรรมการในสนามไว้ก่อน

กรณีนี้มีความเป็นไปได้ว่า บางจังหวะทีม VAR อาจจะลังเลหรือใช้เวลาคิดนาน พอเกมเล่นต่อไปแล้ว กรรมการสนามก็ไม่เป่า จึงมีสิทธิปล่อยเลยตามเลยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เพราะฟีฟ่าก็บอกเองนะครับว่า VAR ไม่มีทางถูก 100% ยังไง ๆ

ก็ยังมีข้อผิดพลาด แต่แค่ทำให้เกมดีขึ้น หรือถูกต้องขึ้น 2 เปอร์เซ็นต์ ก็ถือว่าช่วยยกระดับเกมได้แล้ว

เรื่องสำคัญที่สุดคือ ความสมดุล ฟีฟ่าอยากให้เกมถูกต้องแม่นยำ แต่ไม่อยากให้หยุดเล่นทุก 2 นาที เพื่อเช็กโน่นเช็กนี่สารพัด

ฟุตบอลจำเป็นต้องลื่นไหลต่อเนื่อง VAR ต้องไม่ขัดจังหวะ ทำให้คนดูรู้สึกสะดุด

นี่คือภาพรวมที่แฟนบอลจำเป็นต้องเข้าใจระบบใหม่ อย่าไปหวังอะไรเต็มร้อย เพราะมันเป็นไปไม่ได้


ดีกว่าเดิม 2 เปอร์เซ็นต์ ก็ถือว่าดีขึ้นเหมือนกัน !