อนาคตสดใส ไทยแลนด์

ฟุตบอลทีมชาติไทยไปได้สวยในศึกชิงแชมป์อาเซียน AFF ซูซูกิ คัพ เราผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศเจอกับมาเลเซีย และถ้าทะลุเข้าไปเป็นแชมป์ ก็ถือว่าคู่ควรในทุก ๆ ด้าน

เกมพบมาเลเซียใช่ว่าจะง่าย หรือหากเข้าชิงกับคู่ปรับอย่างเวียดนาม ก็คงสู้กันสูสี แต่ไม่ว่ามองมุมไหน ทีมไทยยังเป็นหมายเลข 1 ของอาเซียนแน่นอน

เราเหนือชั้นกว่าทีมอื่นอยู่พอสมควร แม้ว่าบางครั้งรูปเกมในสนามอาจจะดูไม่เท่ ไม่สง่างาม อย่างที่ควรจะเป็น

แต่บอลสไตล์ มิโลวาน ราเยวาช ก็เป็นแบบนี้ ไม่เน้นสวย ไม่ชอบโชว์ เอาผลแข่งเนื้อ ๆ เล่นไม่เหนือไม่เป็นไร ขอแค่ชนะได้ก็โอเค

ราเยวาช กุนซือชาวเซอร์เบีย คุมทีมชาติไทยมาปีครึ่ง มองเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจน

จากเดิมที่เล่นเอามัน กล้าได้กล้าเสีย เน้นซูเปอร์สตาร์ค่อนข้างเยอะ ไทยแลนด์ยุคราเยวาช ถูกปรับให้เป็นทีมที่ฉลาดขึ้น เขี้ยวขึ้น เล่นตามแผนอย่างมีวินัย เกมรับที่เคยเป็นจุดอ่อน ก็ค่อย ๆ กลายเป็นจุดแข็ง

ทีมไทยยุคนี้ไม่เสียประตูง่าย หลายนัดเน้นรับแล้วรอสวนกลับ แถมสวนได้รวดเร็ว แน่นอน ไม่มีมั่ว

นี่คือคุณภาพความเป็นทีมที่ มิโลวาน ราเยวาช มอบให้ พอเล่นเป็นทีมได้ดี เข้าใจแท็กติก เข้าใจบทบาทของตัวเอง มันก็ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับซูเปอร์สตาร์อีกต่อไป

สังเกตไหมครับ เดี๋ยวนี้แทบบอกไม่ได้ว่า ทีมไทยชุดไหนเป็นชุดใหญ่ ชุดเล็ก เพราะนักเตะเราเล่นแทนกันได้สบาย มีตัวเลือกเหลือเฟือ จัดใครลงมาตรฐานก็ไม่วูบ

อย่างชุดซูซูกิ คัพ สรรวัชญ์ เดชมิตร แจ้งเกิดเต็มตัวในบทเพลย์เมกเกอร์, ศุภชัย ใจเด็ด กับฟิลิป โรลเลอร์ ก็พัฒนาขึ้นมาทั้งคู่

แทบจะพูดได้เต็มปากว่า เป็นยุคที่ทีมชาติไทยขยายใหญ่สู่ไซซ์ XL มีตัวเก่งให้เลือกใช้เยอะที่สุด เผลอ ๆ แบ่งชุดใหญ่ออกมาเป็น 2-3 ทีมได้สบาย ๆ

จ้างโค้ช ราเยวาช มาโคตรจะคุ้ม เขายังมีสัญญาถึงปี 2020 ทำอะไรต่ออะไรได้อีกหลายอย่าง

ภายใน 2 ปีข้างหน้า ทีมไทยน่าจะไปไกลกว่าการเป็นแชมป์ซูซูกิ แชมป์ซีเกมส์ …

เราเป็นทีมชั้นดีของเอเชียได้นะครับ