แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นแล้วลงยาก

Manchester City's Spanish manager Pep Guardiola (C) lifts the Premier League trophy with staff members after their 4-1 victory in the English Premier League football match between Brighton and Hove Albion and Manchester City at the American Express Community Stadium in Brighton, southern England on May 12, 2019. - Manchester City held off a titanic challenge from Liverpool to become the first side in a decade to retain the Premier League on Sunday by coming from behind to beat Brighton 4-1 on Sunday. (Photo by Glyn KIRK / AFP) / RESTRICTED TO EDITORIAL USE. No use with unauthorized audio, video, data, fixture lists, club/league logos or 'live' services. Online in-match use limited to 120 images. An additional 40 images may be used in extra time. No video emulation. Social media in-match use limited to 120 images. An additional 40 images may be used in extra time. No use in betting publications, games or single club/league/player publications. /

พรีเมียร์ลีกอังกฤษนัดสุดท้ายไม่มีปาฏิหาริย์ แมนฯซิตี้คว้าแชมป์ไปตามคาด ปล่อยให้แฟนลิเวอร์พูลลุ้นเก้อไปตาม ๆ กัน

หงส์แดงสร้างสถิติเป็นรองแชมป์ที่มีคะแนนสูงสุดในประวัติศาสตร์ ทำได้ถึง 97 คะแนน แม้จะพลาดแชมป์ก็ยังได้ชื่อว่าเป็นทีมลิเวอร์พูลชุดที่ดีที่สุด

แต่ถ้าหวังจะก้าวขึ้นไปกระชากแชมป์จากแมนฯซิตี้ในเร็ววันนี้มันก็ไม่ง่ายหรอกนะครับ

เรือใบสีฟ้าไม่ใช่แค่เป็นแชมเปี้ยนที่คว้าแชมป์มา 2 ปีติด ๆ แต่ยังกลายเป็นมหาอำนาจหมายเลขหนึ่งของฟุตบอลอังกฤษ พื้นฐานแข็งแกร่งทุกด้าน มีทั้งอำนาจซื้อ พลังดูดนักเตะสูงกว่าคู่แข่งทุกทีม มีกุนซือที่เก่งที่สุดอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แถมผู้เล่นที่มีอยู่ ยังสามารถต่อยอดอัพเลเวลไปได้อีกเรื่อย ๆ

ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, จอห์น สโตนส์, ไอเมอริค ลาป๊อก แบร์นาโด้ ซิลวา เพิ่งอายุ 24, ลีรอย ซาเน่ 23 กาเบรียล เชซุส กับโอเล็กซานเดอร์ ซินเซนโก้ 22 ปี ทั้งคู่ผู้รักษาประตู เอแดร์สัน ก็แค่ 25 ดาวรุ่งฟิล โฟเด้น ที่แจ้งเกิดในปีนี้ เป็นแค่เด็กอายุ 18!

ทุกคนยังเป็นตัวหลักได้อีกนาน เมื่อรวมกับตัวใหม่ ๆ ที่จะถูกซื้อมาเพิ่ม แมนฯซิตี้จึงมีแต่จะเก่งขึ้น และน่าจะครองลีกไปอีกหลายปี

เรื่องนี้ลิเวอร์พูล สเปอร์ส เชลซี รวมทั้งแมนฯยูไนเต็ดก็คงรู้ดี และยอมรับความจริงว่า โอกาสขึ้นไปอยู่เหนือแมนฯซิตี้มันโคตะระยาก

ซิตี้อาจจะโดนยูฟ่าลงโทษแบนห้ามแข่งแชมเปี้ยน’ส ลีกในอีก 2 ฤดูกาลข้างหน้า แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็แทบจะไม่สั่นคลอนความแข็งแกร่ง เพราะทีมมีเสถียรภาพแล้ว ชื่อและมาตรฐานอยู่ตัวเรียบร้อยแล้ว

คู่แข่งทีมอื่นตามหลังอยู่ 1 ปีเป็นอย่างน้อย ลิเวอร์พูลที่เกือบ ๆ จะแย่งแชมป์ได้ จริง ๆ แล้วภาพรวมก็ยังเป็นรองชัดเจน หงส์แดงต้องมีนักเตะให้ใช้งานมากกว่านี้ ต้องดึงตัวเก่งฝีเท้าระดับโลกมาเพิ่มอย่างต่ำ 3 คนจึงจะพอสู้ได้สูสี

แมนฯซิตี้เป็นเหมือนแมนฯยูไนเต็ดยุคเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พอติดลมแล้วเอาลงลำบาก อนาคตหงส์แดงหรือทีมอื่นอาจจะสอดแทรกลุ้นแชมป์ได้บ้างเป็นบางครั้ง…


แต่เรื่องที่จะขึ้นมาแทนที่แมนฯซิตี้ในอีก 4-5 ปีข้างหน้าเห็นทีจะยาก