เมื่อทีมสเปนสลบ

คอลัมน์ คุยกับ เอกราช โดย เอกราช เก่งทุกทาง

ลา ลีก้า สเปน เคยถูกยกให้เป็นลีกอันดับหนึ่งของยุโรป นั่นคือยุคทองที่เรอัล มาดริด กับบาร์เซโลน่า ครองอำนาจเป็นทีมรวมดาวที่เต็มไปด้วยนักเตะระดับโลกเป็นยุคที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ ลีโอเนล เมสซี่ ท็อปฟอร์มที่สุด ขับเคี่ยวกันเพื่อเป็นนัมเบอร์วันเพียงหนึ่งเดียว

แต่วันนี้หลายอย่างเปลี่ยนแปลง โรนัลโด้ไปเล่นในอิตาลี เมสซี่ขาดแรงจูงใจ เรอัล มาดริดกับบาร์ซ่า มาถึงจุดที่ต้องสร้างทีมใหม่ทั้งคู่ ยิ่งกว่านั้น ยังมีเรื่องล้มบอลทั้งในลา ลีก้า และลีกระดับล่าง ล่าสุดตำรวจจับผู้ต้องสงสัยไปแล้วกว่าสิบราย

ฟุตบอลสเปนเริ่มตกจากมาตรฐาน กระทั่งผลงานในบอลสโมสรยุโรปที่เคยยิ่งใหญ่ ก็โดนทีมจากอังกฤษกระชากบัลลังก์ไปเรียบร้อย

จุดเปลี่ยนสำคัญ คือ ความพ่ายแพ้ของบาร์เซโลนา ที่โดนลิเวอร์พูลถล่มยับ 4-0 ในศึกแชมเปี้ยน”ส ลีก รอบรองชนะเลิศนัดที่ 2 บาร์ซ่าตกรอบอย่างเหลือเชื่อ ปล่อยให้ลิเวอร์พูลเข้า ชิงกับสเปอร์ส เมื่อรวมถ้วยเล็กยูโรป้า ลีก ที่อาร์เซน่อลก็ชิงกันเองกับเชลซี จึงเป็นสัญญาณบอกให้เห็นชัดเจนว่า ยุคทองของสเปนจบแล้ว ทุกอย่างต้องเริ่มสร้างกันใหม่หมด

แต่แน่นอนว่า มันต้องใช้เวลา เรอัล มาดริด เปลี่ยนไปมากเมื่อไม่มีโรนัลโด้ ฤดูกาลหน้าจึงวางแผนยกเครื่อง พยายามดึงนักเตะระดับโลกรุ่นใหม่ ๆ เข้ามาฟอร์มทีมเป็น นิว มาดริด ทีมชุดขาวมีโอกาสสูงที่จะได้ เอเดน อาซาร์ จากเชลซี และบางทีอาจจะพ่วง คริสเตียน เอริคเซ่น จอมทัพสเปอร์ส มาด้วยอีกราย

ส่วนบาร์เซโลน่ามีสิทธิ์โละ หลุยส์ ซัวเรซ กับ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ แล้วดึง อเล็กซอง ลากาแซต กองหน้าอาร์เซน่อล กับ มัทธิส เดอ ลิกต์ กองหลังอาแจ็กซ์เข้ามาเสริม แต่ไม่ว่าจะเปลี่ยนยังไง หัวใจของทีมก็ยังเป็น ลีโอเนล เมสซี่

และในเมื่อเมสซี่นับวันก็จะยิ่งนับถอยหลัง ไม่สด ไม่ฮึกเหิมเหมือนเดิม ความหวังของบาร์ซ่าที่จะกลับไปเป็นมหาอำนาจของยุโรป จึงไม่ง่ายอย่างที่คิด

ถ้าตั้งเป้าแค่คว้าแชมป์ลา ลีก้า กวาดถ้วยในประเทศมันก็โอเค แต่ทีมระดับบาร์ซ่า กับเรอัล ใหญ่แค่นั้นย่อมไม่พอ เพราะเป้าหมาย คือ ถ้วยแชมเปี้ยน”ส ลีก และเรียกศักดิ์ศรีของบอลสเปนกลับคืนมา

ดูแล้ว ยากทั้งคู่, ทีมจากอังกฤษแซงไปแล้ว ไล่ตามยากนะครับ