ทีมชาติไทยยังอยู่ในภาวะไร้กุนซือ แม้ว่าอากิระ นิชิโนะ อดีตโค้ชทีมชาติญี่ปุ่น จะ (ดูเหมือนว่า) ตอบตกลงรับงานกับเรา ตามที่สมาคมลูกหนังไทยยืนยันด้วยความมั่นใจมาตลอด
แต่ตราบใดที่ยังไม่เซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการ มันก็ยังไม่ใช่ และไม่มีอะไรแน่นอน
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
นิชิโนะอาจจะโอเคตามสัญญาปากเปล่าที่ให้ไว้กับสมาคม หรืออาจจะเปลี่ยนใจ กลับลำ ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น
ซึ่งถ้าดันพลิกล็อก กลายเป็นข้อหลังขึ้นมา งานนี้จะกลายเป็นการหน้าแหกระดับโลก
มีอย่างที่ไหน สมาคมฟุตบอลไทยดันไปให้ข่าวก่อนว่า เขาตกลงรับคุมทีมแล้ว ทั้งที่ยังไม่เซ็นสัญญา
พอยังไม่เซ็น นิชิโนะก็ปฏิเสธข่าวนี้กับสื่อญี่ปุ่น ทำให้สมาคมเสียฟอร์มอย่างแรง
แล้วที่แย่ก็คือ ถึงแม้สมาคมฟุตบอลจะมั่นใจนักหนาว่า นิชิโนะมาแน่ แต่ก็ปล่อยให้ฝ่ายโน้นคุมเกมทุกอย่าง จะเซ็นเมื่อไหร่แล้วแต่นิชิโนะ พร้อมวันไหนก็นัดมา
เรื่องนี้ความจริงไม่แปลก และรอได้ถ้าเราไม่รีบไปป่าวประกาศให้โลกรู้ซะก่อน
พอชิงออกตัวไปซะอย่างนั้น มันก็สมควรมีกรอบเวลา ปล่อยไปเรื่อย ๆ อย่างนี้ไม่ได้ อายเขานะครับ
เข้าใจว่า อากิระ นิชิโนะ เป็นกุนซือฝีมือดี โปรโฟล์เยี่ยม เคยทำทีมกัมบะคว้าแชมป์เจ ลีก และเอเอฟซี แชมเปี้ยน’ส ลีก คุมทีมชาติญี่ปุ่น ก็เข้ารอบน็อกเอาต์ฟุตบอลโลก 2018
ถ้ามาทำทีมไทย ถือว่าเราได้ของดี แต่ถ้าไม่ได้ ก็คงไม่ถึงตาย ไม่จนตรอกอะไรหรอก
ที่ผ่านมา เราให้เกียรตินิชิโนะมาก เขาเองก็ต้องให้เกียรติเราด้วย
ไม่ใช่ยังไม่ทันรับงานก็วุ่นวาย พูดกันคนละอย่าง แถมไปให้สัมภาษณ์ติติงสื่อไทยว่า น่ากลัว
ลงข่าวไม่เป็นความจริง ทั้งที่เป็นข่าวแจกจากสมาคมฟุตบอลไทยแท้ ๆ
ผมเองยังเชื่อว่าสุดท้าย นิชิโนะก็คงมาแหละ แต่มาแล้วจะราบรื่น หรือได้งานอย่างที่หวังหรือเปล่า ก็ยังไม่แน่
มันต้องปรับตัวทั้งสองฝ่าย ฝ่ายไทยต้องปรับชัวร์ แต่นิชิโนะเองก็ต้องทำด้วย
เผลอ ๆ ต้องปรับมากกว่าเราซะอีก