สู้ต่อ U-23

คอลลัมน์ คุยกับเอกราช โดย เอกราช เก่งทุกทาง

ทีมชาติไทยชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ฝันสลายอดไปโอลิมปิก เราแพ้ซาอุดีอาระเบีย ตกรอบ 8 ทีมแบบไม่น่าแพ้ อย่างน้อยก็ควรได้ลุ้นยาว ๆ ในช่วงต่อเวลา หรือยิงลูกโทษ ไม่ใช่มาแพ้ด้วยลูกปัญหา กรรมการเปลี่ยนคำตัดสินจากลูกฟรีคิกนอกเขตเป็นให้จุดโทษซาอุฯ ทั้งที่ดูมุมไหนมันก็ไม่ควรทั้งเป็นจุดโทษและไม่น่าฟาวล์ คงมีเจ้าภาพไม่กี่ทีมที่แพ้นัดสำคัญ อย่างที่เราแพ้วันนั้นนะครับ

ทีมไทยชุด U-23 พิสูจน์ตัวเองได้ในระดับหนึ่ง แสดงให้เห็นว่าการตกรอบแรกซีเกมส์ ไม่ใช่เพราะทีมห่วยแตก แต่เป็นผลจากโค้ช อากิระ นิชิโนะ มีเวลาน้อย ยังไม่รู้จักนักเตะมากเท่าที่ควร

พอมีเวลาอยู่ด้วยกันเยอะขึ้น นิชิโนะก็เขย่าขวดจนได้สูตรใหม่ กลายเป็นทีมที่ลงตัวกว่าเดิม มองเห็นอนาคตที่รออยู่ข้างหน้า

ตัวที่กุนซือนิชิโนะผลักดันจนแจ้งเกิดจากชุดนี้มีหลายคน ไล่มาตั้งแต่ประตู กรพัฒน์ นารีจันทร์ มิดฟิลด์ เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ รวมทั้งกองหลังคู่แฝด ทิตาธร กับทิตาวีร์ อักษรศรี

ทิตาธรเป็นฟูลแบ็กชั้นดี เกมรับเหนียว เติมเกมรุกใช้ได้ ขณะที่ไอ้หนุ่มผมยาว ทิตาวีร์ แข็งแกร่งในตำแหน่งเซ็นเตอร์ ตัวใหญ่ เข้าสกัดบอลเด็ดขาด

ทิตาวีร์ยังต้องปรับเรื่องการอ่านเกมและการจ่ายบอลอยู่บ้าง แต่ถ้าแก้ได้ เล่น ๆ ไปจนเก๋ากว่านี้ เขามีสิทธิเป็นเซ็นเตอร์ทีมชาติชุดใหญ่ยาวนานหลายปี ฉายา ฟาน ไดค์ เมืองไทย จะชัดเจนขึ้นแน่นอนในอนาคต

จุดเดียวที่น่าเสียดายสำหรับชุด U-23 คือ บทบาทของสุภโชค สารชาติ

ผมรู้สึกว่าโค้ชนิชิโนะลังเลกับการเลือกแนวรุก เลยจัด 4 ตัวเก่งลงพร้อมกันหมด ทั้ง สุภโชค, ศุภชัย ใจเด็ด, ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา และ อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ โดยให้ศุภชัยเป็นหน้าเป้า ที่เหลืออยู่แถวสองช่วยกันทำเกม

ระบบนี้ สุภโชค สารชาติ ซึ่งเล่นตัวกลาง ต้องทำงานหนักมาก วิ่งเยอะมาก ต้องถอยลงมาช่วยรับ เชื่อมเกมจากรับไปรุก แถมต้องหาช่องยิงประตูด้วย

ถ้าจะให้ดี สุภโชคต้องซูเปอร์ฟิต ขยัน กระหายบอลตลอดเวลา

แต่เท่าที่เห็น มันอาจจะเป็นงานหนักเกินไป สุภโชคเก็บไม่หมด บางครั้งอยู่สูงเกินไป ทำให้แดนกลางเล่นกันแค่ 2 คน เสียเปรียบคู่ต่อสู้

นี่คือเรื่องที่โค้ชนิชิโนะต้องปรับกันต่อ หากจะเล่นท่ายาก ใช้สูตรแอดวานซ์ สภาพนักเตะต้องพร้อม และเข้าใจบทบาทตัวเองมากกว่านี้

ค่อย ๆ สร้างกันไปนะครับ แฟนบอลพร้อมจะเทใจให้อยู่แล้ว