คอลัมน์ คุยกับ เอกราช โดย เอกราช เก่งทุกทาง
นักเตะในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตกเป็นจำเลยสังคม หลังจากไม่ยอมลดค่าเหนื่อย เพื่อแบ่งเบาภาระทีมต้นสังกัดที่มีปัญหาขาดรายได้ในช่วงบอลงดแข่ง
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- หุ้นไทยดิ่งหนัก ตลาดหลักทรัพย์ออก Statement ชี้แจง
- พบรอยร้าวบ่อฝังกลบกากแคดเมียมของ เบาด์ แอนด์ บียอนด์
ชาวบ้านทั่วไปมองว่า นักฟุตบอลโคตรเขี้ยว เงินเดือนเยอะ แต่ไม่รู้จักเสียสละเพื่อคนอื่น
ความจริง เรื่องที่เกิดขึ้น ต้องมองหลาย ๆ มุมนะครับ
นักเตะพรีเมียร์ลีกเขามีจุดยืนของเขา เหตุผลหลัก ๆ ที่ไม่ยอมลดเงิน มีอยู่สองข้อ
หนึ่ง คือ ไม่มั่นใจว่าลดแล้วจะช่วยสังคมได้จริง
ส่วนข้อสอง เขาพยายามจะบอกว่า นักฟุตบอลไม่ได้รวยทุกคน
ถ้าเป็นตัวดังระดับซูเปอร์สตาร์ โดนตัดเงินเดือนไป 30% ก็อยู่ได้ ไม่เดือดร้อน แต่ถ้าเป็นพวกเด็ก ๆ ดาวรุ่ง หรือตัวไม่ดัง โดนลดเงินแค่ 5% ก็มีปัญหาแล้ว
ยิ่งพวกที่เล่นให้ทีมท้ายตาราง ยิ่งลำบาก เพราะถ้าตกชั้นไป นักเตะมักมีออปชั่นระบุในสัญญาว่า ต้องโดนลดค่าเหนื่อย ถ้าถูกตัดเงินเพราะโควิด-19 อีก ก็เท่ากับโดน 2 รอบ บรรลัยกันพอดีแล้วอย่าลืมว่า นักเตะอาชีพในอังกฤษ เสียภาษีเยอะ พวกที่รับค่าเหนื่อยสัปดาห์ละ 150,000 ปอนด์ขึ้นไป ต้องเสียภาษีถึง 45%
คนอื่นอาจจะคิดว่ารวย จริง ๆ แล้วโดนภาษีฟันไปเกือบครึ่ง
ไอ้การที่ต้องจ่ายภาษีแพงนี่แหละ เป็นเหตุผลที่ทำให้บรรดานักเตะไม่เชื่อว่า การลดเงินเดือน คือทางออกที่เหมาะสม
เขาชี้แจงว่า ถ้านักเตะรายได้ลดลง รัฐบาลก็เก็บภาษีได้น้อยลงด้วย สุดท้ายงบประมาณที่จะเอาไปเยียวยาสังคม เอาไปช่วยบุคลากรทางการแพทย์ ก็ย่อมน้อยลงตาม
มีการเปิดเผยตัวเลขย้อนหลังว่า ฤดูกาล 2016-2017 สโมสรรวมทั้งนักเตะในพรีเมียร์ลีก จ่ายภาษีรวมกันถึง 3.3 พันล้านปอนด์ เงินก้อนนี้มีส่วนในการสร้างงานให้คนอังกฤษเกือบ ๆ 100,000 อัตรา
ความหมายของเรื่องก็คือ นักฟุตบอลได้เปิดประเด็นให้คิดว่า ระหว่างการลดเงินเดือนกับจ่ายเงินปกติ แล้วปล่อยให้นักเตะเสียภาษีตามเรตของรัฐบาล
ตัวเลือกไหนที่จะได้เงินไปช่วยชาติมากกว่ากัน ?
เรื่องนี้ที่จริงไม่ใช่เฉพาะวงการฟุตบอล ธุรกิจอย่างอื่น รวมทั้งรัฐบาลทุกประเทศก็ต้องถามตัวเองด้วย
ในส่วนของนักเตะพรีเมียร์ลีก เขาอาจจะยืนยันไม่ลดเงินเดือน แต่ก็ช่วยสังคมด้วยการตั้งกองทุน เรี่ยไรเงินเอาไปบริจาคให้โรงพยาบาลกับบุคลากรทางการแพทย์ กัปตันทีมของทั้ง 20 สโมสร นำโดย จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ของลิเวอร์พูล และ แฮรี่ แม็คไกวร์ ของแมนฯยูฯ เป็นตัวตั้งตัวตี ขั้นต้นได้เงินบริจาคแล้ว 4 ล้านปอนด์
จะหาว่าเห็นแก่ตัวก็คงไม่ใช่ ทุกคนล้วนมีจุดยืน มีวิธีช่วยตามแนวทางของตนเอง