ศึกชิงท็อปโฟร์

คอลัมน์ คุยกับ เอกราช เอกราช เก่งทุกทาง

ถึงลิเวอร์พูลได้แชมป์ไปแล้ว แต่พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยังไม่หมดสีสัน อย่างน้อยการลุ้นท็อปโฟร์ก็น่าจะลากยาวไปตัดสินกันจนถึงนัดสุดท้าย

รองแชมป์น่าจะเป็นแมนฯซิตี้ อย่างไม่มีปัญหา แต่ที่ 3 กับที่ 4 ต้องแย่งกันระหว่าง เชลซี เลสเตอร์ และแมนฯยูไนเต็ด

ตอนนี้เชลซีกับเลสเตอร์ยังได้เปรียบ แต่ 3 นัดที่เหลือ แมนฯยูฯมีโอกาสสอดแทรกสูงมาก แล้วถ้าผีแดงแทรกได้ ทีมที่คาดว่าจะหลุดโควตาก็คือ เลสเตอร์

ทุกอย่างน่าจะไปชี้ชะตากันในนัดสุดท้าย ซึ่งทั้งสองทีมต้องเจอกันเอง เลสเตอร์พบแมนฯยูฯ ที่สนามคิง เพาเวอร์ 26 ก.ค.

เทียบฟอร์มกันแล้ว จิ้งจอกสภาพเป็นรองชัดเจน เลสเตอร์เครื่องรวนมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ช่วงรีสตาร์ตกลับมาแข่งใหม่ ลงเตะไป 5 นัดก็ชนะแค่เกมเดียว

ปัญหาอยู่ที่เกมรุก ตัวยิงประตูพึ่งได้แค่ เจมี่ วาร์ดี้ กองหน้าคนอื่นยิงน้อยมาก ช่วงหลัง เจมส์ แมดดิสัน มิดฟิลด์ที่ช่วยทำประตูได้บ่อยก็ดันเจ็บ อดลงสนาม จิ้งจอกเลยยิ่งฝืดหนักเข้าไปใหญ่

ตรงนี้แหละที่เลสเตอร์เป็นรองแมนฯยูฯ ตั้งแต่ได้ บรูโน่ แฟร์นันเดส เข้ามา ปีศาจแดงก็ติดปีก นอกจากโดดเด่นทั้งยิง ทั้งจ่าย บรูโน่ยังมีเอฟเฟ็กต์ส่งผลให้เพื่อนร่วมทีมเล่นดีตามไปด้วย มาร์คัส แรชฟอร์ด ยิงได้สม่ำเสมอ อองโตนี่ มักซิยาล กลับมาเข้าฝัก ขณะที่ดาวรุ่ง เมสัน กรีนวู้ด แจ้งเกิดเป็นว่าที่ซูเปอร์สตาร์คนใหม่ของสโมสร

กระทั่ง ปอล ป๊อกบา ที่อยากย้ายทีม ก็ทำท่าจะเปลี่ยนใจ ขออยู่แมนฯยูฯต่อ เพราะเล่นบอลสนุก ดูดีมีอนาคต

ยูไนเต็ดอาจจะเกมไม่สวย ไม่เนียนเท่าลิเวอร์พูล กับ แมนฯซิตี้ แต่ใช้โอกาสไม่เปลือง จังหวะเข้าทำเด็ดขาด
ความฟิต ความแข็งแกร่ง ก็เริ่มเป็นจุดเด่นที่ชัดเจน

รวม ๆ แล้ว กุนซือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา พาทีมมาถูกทาง ยิ่งถ้าติดท็อปโฟร์ ไปเล่นแชมเปี้ยน’ส ลีกได้จริง ๆ ทีมก็จะยิ่งมีความมั่นใจ จนน่าจะกลับมาลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ในฤดูกาลหน้า

แมนฯยูฯกับเชลซีมีส่วนผสมคล้าย ๆ กัน ใช้ดาวรุ่งยำกับตัวเก๋า อย่างพอเหมาะพอเจาะ ทั้งคู่มีความสด แต่ไม่ใสซื่อ ถ้าจบซีซั่นด้วยการอยู่ใน 4 อันดับแรก จึงถือว่าเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง


แฟนผีที่ขมขื่นกับการเห็นลิเวอร์พูลเป็นแชมป์ คงพอมีความทรงจำที่ดีกับฤดูกาลนี้อยู่บ้าง