ไทยลีกคัมแบ็ก

คุยกับเอกราช
เอกราช เก่งทุกทาง

ฟุตบอลไทยลีก เลื่อนเตะหนีโควิดเกือบครึ่งปี สุดสัปดาห์นี้กลับมาแข่งต่อนัดที่ 5 ของฤดูกาล

เป็นการกลับมาแบบโฉมใหม่ หลายอย่างเปลี่ยนไปแทบจะสิ้นเชิง

การท่าเรือกับบีจี ปทุม ยูไนเต็ด ซึ่งเริ่มมาก็เป็นเต็งจ๋า แต่ตอนนี้ยิ่งเต็งหนักกว่าเดิม หลังจากอาศัยความเข้มแข็งทางการเงิน ทุ่มซื้อตัวเก่งช่วงพักแข่ง จนสภาพทีมโดดเด้งกว่าสโมสรอื่นชัดเจน

พูดง่าย ๆ, ทีมอื่นแทบตายเพราะโควิด แต่ท่าเรือกับบีจีลอยตัวอย่างสบาย

ไม่แปลกที่ใคร ๆ จะมองว่าคู่นี้น่าจะแย่งแชมป์กันอยู่สองทีม

แต่ของจริงมันก็ไม่แน่, เกมในสนามมีตัวแปรเยอะแยะนะครับ

ทีมรวมดาว ถ้าเล่นกันไม่เป็นทีม แท็กติกไม่ดี หรือโค้ชเอาไม่อยู่ มีสิทธิล่มปากอ่าวได้เหมือนกัน

ท่าเรือกับบีจี เก่งเป็นตัว-ตัวไม่พอ ทีมต้องมีสมดุลและมีความเป็นทีมมากพอด้วย

ผมเชื่อว่า สิงห์เจ้าท่าชุดนี้เกมรุกหายห่วง มีทั้ง เอแบร์ตี้, เซร์คิโอ ซัวเรซ, อดิศักดิ์ ไกรษร แถมได้กองหน้า เนลสัน โบนิลญ่า มาช่วยยิง แต่เรื่องการคุมเกมกับแนวรับ ยังต้องรอพิสูจน์

เทียบกับบีจี, ท่าเรือกองหน้าเฉียบกว่า แต่ความชัวร์กินไม่ลง เพราะรายหลังได้ตัวเก๋า อันเดรส ตุนเยซ กับ สารัช อยู่เย็น มาช่วยเติมความแน่นอน ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ก็ดุดันมาก

ยิ่งกว่านั้น บีจียังมีนักเตะญี่ปุ่น มิตซูรุ มารุโอกะ จากเซเรโซ่ โอซาก้า เป็นทีเด็ดอีกคน ตัวนี้เล่นได้หลายตำแหน่งในแนวรุก ยิ่งกว่านั้นยังเคยไปค้าแข้งกับดอร์ทมุนด์ ตอนอายุ 18 มาแล้ว

บีจีภาพรวมใกล้เคียงกับท่าเรือ แล้วถ้ามองเรื่องความต่อเนื่องหรือความนิ่งในสโมสร “เดอะ แร็บบิท” ก็อาจจะโอเคกว่า เพราะแรงกดดันจากผู้บริหารมีน้อยกว่า

พูดตามตรง, โอกาสเปลี่ยนโค้ชของบีจีมีน้อยกว่าท่าเรือ

ทีมที่จะเป็นแชมป์ต้องอยู่กันแบบพอดี ๆ ถ้าบี้มากไปด้วยเหตุผลทางธุรกิจ นักเตะก็เครียดตายชัก

เพราะอย่างนี้ ไทยลีก 2020 จึงยังมีช่องให้ทีมอื่นหายใจได้แชมป์เก่า เชียงรายกับบุรีรัมย์ ที่เล่นสบายกว่า กดดันน้อยกว่ายังพอมีสิทธิสอดแทรก เชียงรายทีมเวิร์กเชื่อถือได้ ยิ่งแก้ปัญหาถูกจุด ดึง จาจา แจ็กสัน โคเอลโญ่ มาช่วยกองหน้าเกมยิ่งลงตัว

ส่วนบุรีรัมย์ ตราบใดที่ คุณเนวิน ชิดชอบ ยังเป็นบอสใหญ่ ยังไง ๆ ทีมก็ได้ลุ้นแชมป์

ไทยลีกปีนี้ อาจจะแยกรวย-จน ชัดเจน แต่ช่องว่างในสนามไม่ห่างมากอย่างที่คิด