พรีเมียร์ลีกปีฟ้าเปิด

PETER POWELL / POOL / AFP
คอลัมน์ คุยกับเอกราช โดย เอกราช เก่งทุกทาง

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลนี้จะเป็นซีซั่นที่เปิดกว้างที่สุดในรอบหลายปี เรื่องที่จะเห็นทีมใดทีมหนึ่งโกยแต้มทิ้งห่างม้วนเดียวจบแบบลิเวอร์พูลเมื่อปีก่อนแทบจะลืมไปได้เลย มันจะมีการตัดแต้มกันอุตลุด ทีมใหญ่เหนือไม่จริง ทีมเล็กกล้าสู้ กล้าแลก มีสิทธิพลิกตลอด แฟนบอลได้ “ว้าว” กับเกมเซอร์ไพรส์แทบทุกสัปดาห์ อะไรก็เป็นไปได้สำหรับฟุตบอลในยุคโควิด

โควิด-19 คือต้นเหตุของความเปลี่ยนแปลง การหยุดแข่งชั่วคราวเมื่อฤดูกาลก่อนทำให้โปรแกรมเตะซีซั่นนี้แน่นเอี้ยด นอกจากมีเวลาพักระหว่างฤดูกาลน้อย นักเตะยังต้องลงเล่นถี่ยิบ มีคิวเตะทุก 3-4 วัน กลางสัปดาห์ไหนเว้นว่างก็ต้องไปเล่นทีมชาติ บักโกรกไปตาม ๆ กัน

บรรดาสโมสรใหญ่เจอปัญหานักเตะเจ็บเพียบ เพราะร่างกายโอเวอร์โหลด เล่นทั้งบอลลีก-บอลถ้วย-ทีมชาติ ถึงผู้จัดการทีมจะช่วยโรเทชั่น โอกาสเสี่ยงก็ยังสูง นี่ยังไม่นับพวกที่ติดโควิด ต้องกักตัวอีกต่างหาก

ปัจจัยพวกนี้ทำให้ลิเวอร์พูลเสีย เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, เสียอลิสัน เสียฟาบินโญ่ ทำให้แมนฯซิตี้เสียดาวยิง กุน อากูเอโร่, กาเบรียล เชซุส สองทีมเต็งของพรีเมียร์ลีกไม่อยู่ในจุดที่ดีที่สุด ช่องว่างที่เคยมีจึงลดฮวบฮาบ

โลกก็เลยได้เห็นเกมนรกแตก ลิเวอร์พูลวันที่ไม่มีประตูมือ 1 อลิสัน บุกไปโดนแอสตัน วิลล่า ยำ 7-2 แมนฯซิตี้แพ้เลสเตอร์คาบ้าน 5-2 กระทั่งแมนฯ ยูฯในสภาพฟอร์มหลุด ก็เจอสเปอร์สถล่มยับคาบ้าน 6-1

นอกจากนักเตะล้า การลงแข่งสนามเปล่า ไม่มีคนดู ยังมีส่วนทำให้บอลพลิกง่าย ความได้เปรียบในฐานะทีมเหย้าแทบจะไม่เหลือ ทีมเยือนลงเตะอย่างสบายใจ ไม่กดดันเหมือนเมื่อก่อน

บอลแข่งแต่ละนัด คล้ายกับเล่นสนามกลาง ไม่มีเสียงแฟนบอลช่วยบิลด์ แบบนี้ทีมเจ้าบ้านไม่ได้เปรียบ ตรงข้ามกับทีมเยือนที่เล่นได้อย่างมีสมาธิ เล่นตามแท็กติกได้ดีขึ้น โอกาสชนะก็เลยสูสี ไม่ต่างกันมาก


ปัจจัยตัดสินแชมป์ปีนี้จึงอยู่ที่ความสม่ำเสมอ ความอึด และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ลิเวอร์พูลกับแมนฯซิตี้จะเสียแต้มบ่อยกว่าปีก่อน ๆ ยังดีที่เกมโดยรวมมีคุณภาพ มีตัวเลือกเยอะจนพอซื้อใจได้ว่าน่าจะประคับประคอง เอาตัวรอดไปแบบหืดขึ้นคอ แต่มันก็ต้องลุ้นทุกนัด วันไหนเหี่ยวก็โดนนะครับ