เพลย์ออฟในเมเจอร์

สมาคมกอล์ฟแห่งสหรัฐ (ยูเอสจีเอ) ประกาศยกเลิกเพลย์ออฟแบบ 18 หลุมในยูเอส โอเพ่น และเมเจอร์อีก 3 รายการของหน่วยงานนี้ คือ ยูเอส วีเม่นส์ โอเพ่น, ยูเอส ซีเนียร์ โอเพ่น และยูเอส ซีเนียร์ วีเม่นส์ โอเพ่น

ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปในรายการเหล่านี้ ถ้ายังไม่มีผู้ชนะหลังจากรอบปกติ 72 หลุม นักกอล์ฟต้องสู้กันต่อในเพลย์ออฟแบบคิดคะแนนรวม 2 หลุม ถ้ายังไม่มีผู้ชนะก็ให้เล่นซัดเดนเดทจนกว่าจะมีผู้ชนะ

ไมค์ เดวิส หัวหน้าฝ่ายบริหารของยูเอสจีเอบอกว่า เป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกคนในวงการกอล์ฟที่จะเห็นการแข่งขันจบในวันอาทิตย์ในรายการเมเจอร์

เขาบอกว่าการตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ยูเอสจีเอได้รับความเห็นจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่น, แฟนกอล์ฟ, เจ้าหน้าที่, อาสาสมัคร และสถานีโทรทัศน์ที่ถ่ายทอดสดและได้ข้อสรุปซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย

ก่อนหน้านี้ ผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่ายมองว่าการเล่นเพลย์ออฟ 18 หลุมในวันจันทร์ยืดเยื้อเกินไปและไม่สะดวกต่อทุกฝ่าย

ในประวัติศาสตร์ 117 ปีของยูเอส โอเพ่น มีเพลย์ออฟ 33 ครั้ง ซึ่งล้วนแต่เป็นการแข่งขันแบบ 18 หลุม หรือ 36 หลุม

เพลย์ออฟครั้งหลังสุดในยูเอส โอเพ่น เกิดขึ้นในปี 2008 ซึ่งเป็นหนึ่งในการแข่งขันที่ได้รับการจดจำมากที่สุดในประวัติศาสตร์ เพราะเป็นครั้งล่าสุดและอาจเป็นครั้งสุดท้ายที่ ไทเกอร์ วูดส์ ได้แชมป์เมเจอร์ ในการแข่งขันที่ทอร์รีย์ ไพน์ส วูดส์ชนะร็อคโค มีเดียท ที่หลุมแรกของซัดเดนเดทหลังจากที่ยังเสมอกันหลังจากเล่นเพลย์ออฟ 18 หลุม

การคว้าแชมป์เมเจอร์รายการที่ 14 ของไทเกอร์อาจเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบของความรุ่งเรืองของไทเกอร์

ไทเกอร์เล่นด้วยความเจ็บปวดในยูเอส โอเพ่น ในเดือนมิถุนายน 2008 หลังจากรับการผ่าตัดเข่าซ้ายในเดือนเมษายนปีนั้น

หมอแนะนำไทเกอร์ว่าอย่าเพิ่งกลับมาเล่นแต่ไทเกอร์ไม่ฟัง เขารับการผ่าตัดอีกครั้งหลังจากได้แชมป์ยูเอส โอเพ่น และไม่ได้เล่นอีกเลยในปีนั้น

นั่นอาจเป็นการคว้าแชมป์ที่มีราคาแพงมากสำหรับไทเกอร์ซึ่งไม่เหมือนเดิมอีกเลยตั้งแต่นั้นมา

รายการเมเจอร์จะไม่มีเพลย์ออฟแบบ 18 หลุมอีกต่อไป แต่เพลย์ออฟของเมเจอร์ทั้ง 4 รายการยังคงไม่เหมือนกันเลย

มาสเตอร์ยกเลิกเพลย์ออฟแบบ 18 หลุมในปี 1976 และเปลี่ยนเป็นซัดเดนเดทและพีจีเอ แชมเปี้ยนชิปทำตามในปีต่อมาก่อนจะเปลี่ยนเป็นเพลย์ออฟแบบ 3 หลุมอย่างที่ใช้ในปัจจุบัน

บริทิช โอเพ่นใช้เพลย์ออฟแบบคิดคะแนนรวม 4 หลุมตั้งแต่ปี 1986 เพลย์ออฟ 2 หลุมของยูเอส โอเพ่น อาจจะเหมาะสมที่สุดเพราะคนที่ทำผิดพลาดที่หลุมแรกยังมีโอกาสแก้ตัว ผิดกับซัดเดนเดทซึ่งนักกอล์ฟไม่สามารถทำผิดพลาดได้เลย ขณะเดียวกัน เพลย์ออฟแบบ 3 หรือ 4 หลุมอาจจะเยอะไปหน่อย

ยูเอสจีเอมาช้ากว่าคนอื่น แต่มาช้าดีกว่าไม่มา แถมยังมาแล้วอาจจะดูดีกว่าเพลย์ออฟของเมเจอร์รายการอื่น