โชคดี “ธีรศิลป์”

ธีรศิลป์ แดงดา เป็นนักเตะไทยคนที่ 2 ต่อจาก เจ ชนาธิป ที่ได้ไปค้าแข้งในเจลีก ญี่ปุ่น “มุ้ย” เซ็นสัญญาย้ายจากเมืองทอง ยูไนเต็ด ไปเล่นให้ ซานเฟรซเซ่ ฮิโรชิม่า แบบยืมตัว 1 ปี ฤดูกาลหน้าได้เปลี่ยนสีเสื้อใหม่แน่นอน

ธีรศิลป์อายุ 29 โอกาสอาจมาถึงช้าไปหน่อย แต่ก็เป็นโอกาสที่ตรงกับความเป็นจริงที่สุด ไม่เหมือนช่วงโดนโยกไปเล่นในลีกยุโรปตอนหนุ่ม ๆ ซึ่งล้วนเป็นภาพลวงตา ขายฝัน ไปเพราะคนอื่นมากกว่าตัวเองทั้งนั้น

แฟนบอลคงจำได้ว่า มุ้ยเคยถูกดึงตัวไปอยู่แมนฯซิตี้ สมัยคุณทักษิณ ชินวัตร เป็นเจ้าของทีม แต่ไม่มีโอกาสเล่น เพราะไม่ได้ใบอนุญาตประกอบอาชีพ ซิตี้ปล่อยตัวให้ กราสฮอปเปอร์ ซูริค ยืมตัวไปลุยลีกสวิส ก็ได้ลงแค่ทีมสำรอง

พอกลับมาเมืองไทย ถูกผลักดันไปทดสอบฝีเท้ากับแอตเลติโก มาดริด และสุดท้ายไปอยู่กับทีมเล็ก ๆ อย่าง อัลเมเรีย ได้สัมผัสฟุตบอลสเปนพอหอมปากหอมคอ

แต่ทั้งหมดนั้นเป็นการไปด้วยเหตุผลทางธุรกิจและการเมือง ไม่ใช่ไปด้วย “ความเป็นธีรศิลป์” จริง ๆ เหมือนดีลล่าสุดกับซานเฟรซเซ่

ธีรศิลป์รอนานหน่อย แต่ก็ได้พบที่ทางอันเหมาะสมกับตัวเองซะที ผมไม่ลังเลใจเลยที่จะบอกว่า เขาน่าจะไปได้สวยในเจลีก ธีรศิลป์กำลังอยู่บนจุดที่ดีที่สุด มีพร้อมทั้งประสบการณ์ ความเป็นผู้ใหญ่ เทคนิคเหนือชั้น พรสวรรค์ในฐานะดาวยิงก็เพียงพอจะเอาตัวรอด ในลีกสูงสุดของญี่ปุ่นได้ไม่ยาก

แน่นอนว่ามันก็มีหลายเรื่องต้องปรับ ทั้งด้านภาษา ความเร็ว ความฟิต เจลีกเล่นกันเร็ว ไม่ครองบอลนาน ส่วนใหญ่ปล่อยให้เกมไหล จับบอลครั้ง-สองครั้งก็ส่ง ไม่ค่อยมีนักเตะคนไหนเก็บบอลไว้กับตัว ตรงนี้ธีรศิลป์ต้องค่อย ๆ เรียนรู้ จับจังหวะกันไป

แต่ด้วยความเก๋าที่มีเหลือเฟือ ร่างกายก็ยังแข็งแกร่งใช้ได้ การบ้านทั้งหมดจึงไม่น่ายากเกินไป มันเป็นความท้าทายที่น่าสนุก ถ้ามุ้ยแจ้งเกิด ปีแรกยิงซัก 10 กว่าประตู นอกจากช่วยเปิดตลาดให้นักเตะไทย ทีมชาติไทยเองก็จะได้ประโยชน์จากการผจญภัยของธีรศิลป์ด้วยเช่นกัน

ตัวเก่ง ๆ หลายคนของเรา สมควรออกไปค้าแข้งต่างแดน ถ้าเลือกทีม เลือกลีกที่เหมาะสม ทุกฝ่ายก็มีแต่ได้กับได้