คอมมิวนิตี้เชื่อมคน Gen U [EX] การปรับตัวของบริษัทไอทีอายุ 40 ปี

เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น

MSC โชว์ผลกำไรครึ่งปีแรกโต 21% เตรียมตั้งศูนย์ข้อมูลมุ่งเน้นให้บริการไอทีโซลูชั่น พร้อมปรับพื้นที่โครงการ “Metro Gen” เชื่อมโยงพนักงานทุกรุ่นร่วมสร้างนวัตกรรมรองรับธุรกิจใหม่ในทศวรรษที่ 4 ของบริษัท

วันที่ 24 สิงหาคม 2565 นายสุรเดช เลิศธรรมจักร์ กรรมการบริหาร บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปี 2565 ว่า แม้ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาจะมีการแพร่ระบาดของโควิด- 19 แต่บริษัทมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องและอาจเติบโตยิ่งกว่าก่อนโควิดด้วยซ้ำ โดยในปีนี้ MSC วางเป้าหมายที่จะผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างน้อย 8% จากปีที่ผ่านมา แต่ผลการดำเนินการครึ่งปีแรกของปี 2565 โตถึง 21% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2564

โดยในปี 2564 มีรายได้ 7,199 ล้านบาท ขณะที่ครึ่งปีแรกของปี 2565 มีรายได้ 4,377 ล้านบาท กำไร 136 ล้านบาท มาจาก 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.กลุ่มธุรกิจดิจิทัลโซลูชั่น 2.กลุ่มธุรกิจซอฟต์แวร์โซลูชั่น 3.กลุ่มธุรกิจดิจิทัลพรินติ้ง

โฟกัสที่คลาวด์ และบริการด้านไอที

นายสุรเดชยังได้อธิบายทิศทางของธุรกิจหลังจากนี้ว่า MSC จะมุ่งเน้นบริการด้านไอทีโดยเฉพาะด้าน คลาวด์เซอร์วิส และการพัฒนาแอปพลิเคชั่นสำหรับบริษัทต่าง ๆ

ในด้านบริการคลาวด์ MSC เป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการคลาวด์สาธารณะ ได้แก่ ไอบีเอ็ม ฮิวเลตต์-แพคการ์ด ไมโครซอฟท์ อเมซอน และหัวเว่ย เป็นต้น และวางแผนตั้งศูนย์ข้อมูล (Data Center) เพื่อให้บริการกับลูกค้าที่ไม่ต้องการใช้คลาวด์สาธารณะของต่างประเทศ

นายสุรเดชกล่าวว่า โอกาสในการเติบโตของธุรกิจคลาวด์ มาจาก 1.การดูแลดาต้าเซ็นเตอร์ของตัวเองเป็นเรื่องที่ลำบาก ซึ่งบริการคลาวด์จะทำให้ผู้ที่มีความสามารถในการดูแลระบบและป้องกันความปลอดภัยช่วยจัดการ สำหรับใครที่ไม่อยากให้ดาต้าเซ็นเตอร์ไปอยู่ต่างประเทศก็ใช้ดาต้าเซ็นเตอร์ที่อยู่ในไทย อย่างของไอเน็ต หรือของเราที่กำลังทำ หรือจะใช้คลาวด์แบบสากลอย่างของอเมซอน ไมโครซอฟท์ เราก็จะช่วยจัดการได้

2.เรื่องปัญหาขาดแคลนชิป ในช่วงที่ผ่านมาทำให้ฮาร์ดแวร์สำคัญของศูนย์ข้อมูลขาดความต่อเนื่อง การบำรุงรักษาสูง บีบให้หลายบริษัทต้องเอาข้อมูลบางส่วนขึ้นบนคลาวด์ แม้ชิปและวัสดุสำหรับทำศูนย์ข้อมูลจะถูกลง เล็กลง และมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ถึงตอนนั้นผู้ค้าชิ้นส่วนเหล่านี้คงทำการค้ากับบริษัทที่ทำศูนย์ข้อมูลคลาวด์โดยตรงมากกว่า

นอกจากนี้ การที่บริษัทนำข้อมูลที่อยู่บนเซิร์ฟเวอร์ หรือดาต้าเซ็นเตอร์ของตัวเองขึ้นมาอยู่บนคลาวด์ ในช่วงที่ผ่านมาเห็นแล้วว่าสามารถจัดการ Raw Data ของตนให้มีระบบมากขึ้นโดยอาศัยเครื่องมือของผู้ให้บริการคลาวด์เจ้าต่าง ๆ โดยเฉพาะการใช้เอไอ และ Data Analytics ทำให้บริษัทหลายแห่งปรับข้อมูลที่จัดระเบียบแล้วไปทำแอปพลิเคชั่นสมัยใหม่ตอบโจทย์ลูกค้าของตนได้ดียิ่งขึ้น

ขณะเดียวกันบริษัทจะมุ่งเน้นการพัฒนาแอปพลิเคชั่นสำหรับบริษัทต่าง ๆ โดยมี “Superapp” เป็นแพลตฟอร์ม CRM และ ERP ซึ่ง MSC มีประสบการณ์มายาวนานจากการเป็นคู่ค้าของไอบีเอ็มในยุคแรก ๆ ที่ต้องจัดการสร้างซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมสำหรับธุรกิจเพื่อบริการลูกค้าไอบีเอ็มในประเทศ ดังนั้นในยุคต่อไป MSC จะเน้นการพัฒนาโซลูชั่น เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับการเดินทางสู่คลาวด์ (Cloud Journey) ของลูกค้า

นอกจากคลาวด์แล้ว นายสุรเดชมองว่าแนวโน้มของเทคโนโลยีที่จะมีการใช้งานเพิ่มขึ้นในอนาคตยังจะเป็นเรื่องของ “เอไอ”

“เอไอยังไปได้อีกไกล เพราะมีเฉพาะบริษัทยักษ์ใหญ่เท่านั้นที่ใช้เอไอช่วยวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างดี สำหรับธุรกิจระดับกลางยังไม่มาก เมื่อเอไอจำแนกข้อมูลดิบออกมาแล้ว การนำไปใช้ประโยชน์หรือการทำนายกลุ่มเป้าหมายวางแผนอนาคตจะตามมา จึงมีโอกาสอีกเยอะสำหรับ Data Analytics”

ปรับพื้นที่เชื่อมโยงคนรุ่นเก่ารุ่นใหม่

อย่างไรก็ตาม การพัฒนาเทคโนโลยีที่จะโฟกัสในสองส่วนข้างต้นจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรบุคคลเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรไปสู่เป้าหมาย ซึ่ง MSC มีอายุเกือบ 40 ปี มีพนักงานรวมกันหลายรุ่น ล่าสุดพนักงานหลายแผนกได้เสนอแนวคิดให้สร้างคอมมิวนิตี้ขึ้นภายในบริษัท จึงเป็นที่มาของโครงการ Metro Gen โดยลงทุน 10 ล้านบาท สร้างพื้นที่ Coworking Space สำหรับพนักงานและบุคคลทั่วไป เพื่อสร้างบรรยากาศการทำงานยุคใหม่ ให้เป็นพื้นที่สร้างสรรค์ไอเดียใหม่ ๆ นวัตกรรมใหม่ ๆ และแสวงหาธุรกิจใหม่ ๆ สำหรับรองรับการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน

นายสุรเดชอธิบายว่า ปัจจุบัน MSC มีพนักงานกว่า 1,000 คน อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 30 ปี แบ่งออกเป็น 3 รุ่น (Gen) ได้แก่ 1.Gen E คือ Employee เป็นพนักงานระดับปฏิบัติการซึ่งเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนไอเดีย 2.Gen X คือ Exclusive ซึ่งเป็นพนักงานดั้งเดิมที่มีประสบการณ์และมุมมองทางการทำงานและทางธุรกิจมายาวนาน 3.Gen U คือ University คือคนรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาเป็นพนักงานในอนาคต โดย MSC ได้มีโปรแกรมฝึกงาน ดูงาน และร่วมวิจัยนวัตกรรมกับมหาวิทยาลัย จึงต้องคิดถึงคนในอนาคตที่จะเข้ามาร่วม

“คนเจน E ในบริษัท มีพลังในการทำงานและได้เสนอว่าเราเป็นบริษัทเทค ต้องการบรรยากาศที่มีความผ่อนคลาย จึงมีพื้นที่ให้พนักงานที่มีประสบการณ์หรือเจน X สามารถให้คำปรึกษาและมีส่วนร่วมกับการทำงานของคนเจน E ได้ตลอดเวลา บนพื้นที่ Metro Gen

ส่วนคนเจน U จะเด่นเรื่องความเป็น Startup มีแนวคิดและไอเดียในการฟูมฟักเทคโนโลยี เรามีการส่งเสริมนักศึกษาและคนทั่วไปจากภายนอก สามารถเข้ามาใช้พื้นที่ร่วมกันได้ และหากมีไอเดียที่สามารถต่อยอดได้เราจะให้การสนับสุนด้านเงินทุนเพื่อให้ Metro Gen สร้าง Startup เพื่อช่วยต่อยอดธุรกิจของ MSC ได้ในอนาคต”