“เบ็นคิว”ลุยตลาดองค์กร ตั้งเป้าดันรายได้โต50%

(ขวา) ธัญรัก นาสมยนต์
“เบ็นคิว” ปรับกลยุทธ์เพิ่มช่องทางขายเจาะลูกค้าองค์กร ขยับสัดส่วนรายได้เป็น 50% ใน 3 ปี เพิ่มน้ำหนักสินค้าเกมมิ่งเกียร์รับเทรนด์อีสปอร์ตบูม หวังโกยรายได้โต 50% ดันกำไรเพิ่ม 20% ทั้งเร่งอัพเกรดบริการหลังการขาย-ช่องทางออนไลน์

นางสาวธัญรัก นาสมยนต์ ผู้จัดการใหญ่ เบ็นคิว ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดจอภาพและโปรเจ็กเตอร์ในปีนี้ คาดจะเติบโตได้ 13-20% จากปีก่อน เนื่องจากรัฐบาลสนับสนุนภาคการศึกษามากขึ้น ประกอบกับกระแสอีสปอร์ตที่เติบโตอย่างมากในไทย

ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของเบ็นคิวมาจากจอภาพ 35% โปรเจ็กเตอร์ 30% ที่เหลือมาจากกลุ่มเกมมิ่งเกียร์ และอินเตอร์แอ็กทีฟบอร์ด ซึ่งยังมีสัดส่วนค่อนข้างน้อย ขณะที่สัดส่วนรายได้จากลูกค้าองค์กรมีราว 20% เพราะที่ผ่านมา เน้นทำตลาดกับกลุ่มผู้ใช้ทั่วไปเป็นหลัก มีสัดส่วนรายได้ 80%

อย่างไรก็ตาม ทิศทางการทำตลาดของบริษัทในปีนี้และในอนาคตจะเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าองค์กรเพิ่มขึ้นเริ่มจากกลุ่มการศึกษาเป็นหลัก โดยเฉพาะภาคเอกชน รวมถึงการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสำหรับลูกค้าองค์กร ที่ต้องการโซลูชั่นแบบครบวงจร โดยบริษัทตั้งเป้าว่า ภายในปี 2563 สัดส่วนรายได้จากลูกค้าองค์กรจะเติบโตคิดเป็น 50% สำหรับกลยุทธ์ที่จะใช้คือหาพาร์ตเนอร์ตรงกับกลุ่มที่จะเจาะเฉพาะลงไป

“เบ็นคิวมีสินค้าหลากหลาย ทำให้สามารถนำเสนอบริการได้ครบทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าองค์กรทั่วไป และกลุ่มการศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเราจะเน้นทำตลาดอินเตอร์แอ็กทีฟบอร์ดให้มากขึ้น เนื่องจากเป็นสิ่งใหม่และยังมีสัดส่วนน้อย”

นางสาวธัญรัก กล่าวต่อว่า บริษัทยังไม่ทิ้งตลาดผู้ใช้ทั่วไป แต่เน้นในกลุ่มที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น เนื่องจากมีการแข่งขันด้านราคาค่อนข้างสูงเช่น จอภาพที่เน้นไปยังกลุ่มช่างภาพและดีไซเนอร์ที่ต้องใช้ความแม่นยำของจอสี ส่วนกลุ่มโปรเจ็กเตอร์เน้นกลุ่มโฮมที่กำลังมีเทรนด์ความละเอียดภาพระดับ 4K โดยมีไลน์อัพสินค้ามากขึ้น และกลุ่มเกมมิ่งที่มีเกมมิ่งเกียร์และจอภาพภายใต้แบรนด์ ZOWIE จากโอกาสในตลาดอีสปอร์ตที่กำลังเติบโต ตั้งเป้าว่ากลุ่มเกมจะเติบโตได้ 10-15%

นอกจากนี้ บริษัทยังจะพัฒนาบริการหลังการขายเพิ่มเติม โดยจับมือกับพาร์ตเนอร์ 3 ราย ในการให้บริการ on site service เพื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ส่วนการทำตลาดจะทำผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น เพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และแบรนด์ คาดว่าภายในสิ้นปีรายได้รวมจะเติบโตขึ้น 50% ขณะที่กำไรโตขึ้น 20%


“ที่เราเน้นตลาด B2B ไม่ใช่เพราะ B2C อิ่มตัว แต่เพราะไม่เคยทำตลาด B2B เลย ทั้งยังมองเห็นโอกาสที่ภาครัฐกำลังขับเคลื่อนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 โดยทุ่มงบประมาณไปกับด้านการศึกษาจำนวนมาก ซึ่งในปีที่ผ่านมา เราเน้นเจาะกลุ่มโรงเรียนภาครัฐ แต่ปีนี้เน้นภาคเอกชน”