“เราเคยขายออนไลน์อยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนเปิดตลาดในไทยเต็มตัวในไตรมาส 4 ปีที่แล้ว เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าระดับล่างถึงกลาง ราคาเริ่มต้นที่ 2,590 บาท-9,990 บาท แม้จะมีหลายเเบรนด์ทำตลาดในกลุ่มนี้ แต่เรามั่นใจในคุณภาพสินค้า โดยเฉพาะแบตเตอรี่ และคุณภาพจอภาพ ที่สำคัญเน้นความจริงใจกับลูกค้า”
สำหรับการทำตลาดจะเน้นลูกค้าต่างจังหวัดเป็นหลักเพราะเปิดรับแบรนด์ใหม่ได้ง่ายกว่า ดังนั้นหน้าร้านที่ขายสินค้าของอินฟินิกซ์จึงเน้นกลุ่มร้านตู้ โดยเทเลทัช ซึ่งเป็นดิสทริบิวเตอร์ให้มีจุดแข็งในการกระจายสินค้าสู่ร้านตู้อยู่แล้ว ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ของอินฟินิกซ์กระจายไปกว่า 1,000 ร้าน จากจำนวนร้านตู้ที่มีกว่า 30,000 ร้านทั่วประเทศ โดยในสิ้นปีตั้งเป้าเพิ่มเป็น 3,400 ร้าน
พร้อมเตรียมงบประมาณการตลาดไตรมาสละ 10 ล้านบาท เน้นผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก การรีวิวผลิตภัณฑ์จากบล็อกเกอร์ เชื่อว่าจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่สุด และมีสินค้าให้ลูกค้าทดลองใช้ได้ตามหน้าร้านต่าง ๆส่วนภาพรวมของกำลังซื้อในประเทศอาจยังไม่ดีนัก แต่ไม่กระทบกับบริษัท เนื่องจากผลิตภัณฑ์ราคาไม่สูง แม้ไม่ได้เน้นขายออนไลน์ แต่มีขายบนเว็บไซต์ลาซาด้าและทำยอดขายได้ 300 เครื่อง จากยอดขายรวม 30,000 เครื่อง
ด้านนายปิยะพงษ์ บัวบาน ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ บริษัทเดียวกันกล่าวว่า สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ Infinix S3(อินฟินิกซ์ เอส3) มาพร้อมหน้าจอขนาด 5.7 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD plus ช่วยให้การใช้งานสองหน้าจอ (multi window) ทำได้ง่าย ใช้ชิปเซต Qualcom Snapdragon SD430 พร้อม RAM ขนาด 3 จิกะไบต์ และ ROM ขนาด 32 จิกะไบต์ แบตเตอรี่ 4,000 มิลลิแอมป์ ราคา 5,590 บาท ทั้งมีการรับประกันจอแตกเปลี่ยนฟรีไม่มีเงื่อนไข 1 ครั้ง ภายใน 1 ปีด้วย