Xspring Digital ยิ้ม ครม. ยกเว้นภาษี VAT จากการขายโทเค็นระดมทุน ลูกค้านับ 10 โปรเจ็กต์กำลังศึกษา ดำเนินการ และพิจารณาออก ICO Token คาด เริ่มเห็นออกขายไตรมาส 4/2566
วันที่ 8 มีนาคม 2566 นายธนศักดิ์ กฤษณะเศรณี รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล จำกัด (XD) เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หลังจาก ครม. ได้อนุมัติร่าง พ.ร.ฎ. ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและ VAT จากการขายโทเค็นดิจิทัลเพื่อการลงทุนเมื่อวานนี้ ทำให้หลายฝ่ายตื่นตัว
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
โดยเฉพาะผู้ให้บริการออกเหรียญ หรือ ICO Portal อย่าง “เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล” ที่กำลังพูดคุยและศึกษาโปรเจ็กต์ของลูกค้านับสิบราย ซึ่งเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์จำนวนหนึ่ง มีความพร้อมที่จะดำเนินการช่วยออกเหรียญอย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องแก้ไขอะไรมาก
นายธนศักดิ์ ให้เหตุผลว่า เพราะเรื่องมาตรการทางภาษีถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ผู้ประสงค์ออกโทเค็นเพื่อการระดมทุน (ICO- Initial Coin Offering) มีความกังวล
“สมมติเราระดมทุน 1,000 ล้านบาท มีต้นทุนในการระดมทุนจากการทำ ICO อยู่แล้วประมาณ 2-3% และเมื่อต้องจ่าย VAT 7% อีก 70ล้านบาท นั่นหมายความว่าผู้ออกเหรียญได้เงินจากการระดมทุนจริงๆ 900กว่าล้านเท่านั้น รวมๆ แล้วต้นทุนจึงสูงเกินไป ดังนั้นการออกร่าง พรฎ. นี้จะทำให้ผู้ที่ต้องการออกเหรียญที่เคยชะลอการตัดสินใจต้องชั่งน้ำหนักใหม่อีกครั้ง”
มีการเสนอปรับปรุงมาตรการทางภาษีเข้าไปพิจารณาถึง 2 ครั้ง ซึ่งก็ยังไม่มีความชัดเจน ทำให้ผู้ออกเหรียญและผู้ให้บริการต้องชะลอการตัดสินใจแต่ก็ยังศึกษารายละเอียดโครงการอย่างต่อเนื่อง
“การเสนอร่างมาตรการดังกล่าวครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว ไม่คิดว่าจะผ่าน เพราะเชื่อว่าจะต้องรอหลังเลือกตั้ง แม้จะมีหลายส่วนที่ต้องปรับปรุงอย่างเช่นการนำรายได้ไปหักภาษีสิ้นปีอีกครั้ง แต่การอนุมัติของ ครม. ครั้งนี้ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี”
นายธนศักดิ์ กล่าวอีกด้วยว่า การออก ICO Token จะใช้เวลาราว 9-12 เดือน ในการดำเนินการตามระเบียบกฎเกณฑ์ ซึ่งราว 3-4 เดือน คือการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโครงการหรือโปรเจ็กต์ที่ขอระดมทุนนั้นๆ ก่อนหน้านี้ เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล มีการพูดคุยกับลูกค้าราวสิบกว่าราย และมีการศึกษาโปรเจกต์ต่างๆ มาล่วงหน้าแล้วหลายเดือน
ดังนั้นความชัดเจนจาก ครม. เช่นนี้ ทำให้หลายโปรเจ็กต์ดำเนินการต่ออย่างสบายใจ และยังสามารถร่นระยะเวลาการศึกษาลงได้อีก 3-4 เดือน ทำให้การใช้เวลาดำเนินการยื่นโปรเจ็กต์ตามระเบียบเหลืออยู่ 9เดือน ก็คาดว่าจะได้เห็นการออก ICO Token ใหม่ๆ ในไตรมาสที่ 4/2566 นี้
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจในฝั่งรีเทล หรือแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลของ เอ็กซ์สปริง ยังคงน่าห่วง เนื่องจากสถานการณ์ของตลาดคริปโตเคอร์เรนซีที่ไม่ค่อยดีนัก
“เรามีธุรกิจสองขา เมื่อขาหนึ่งไม่ดี ก็ยังพอมีอีกธุรกิจช่วย ดังนั้นตอนนี้เราคาดหวังกับฝั่งธุรกิจ ICO มาก เรากลับมาทำงานอย่างหนักหน่วงและประชุมทุกวันเพื่อดำเนินการให้บริการด้าน ICO”
เปิดหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา
สำหรับ หลักการร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สาระสำคัญ ดังนี้
1. ผู้ได้รับสิทธิประโยชน์ คือ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ออกและเสนอขายโทเค็นดิจิทัลเพื่อการลงทุนต่อประชาชน (ในตลาดแรก) และบุคคลธรรมดา และบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ซื้อขายโทเค็นดิจิทัลเพื่อการลงทุน (ในตลาดรอง)
2. สิทธิประโยชน์ทางภาษี ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับเงินได้และมูลค่าของฐานภาษีอันเนื่องมาจากการโอนโทเค็นดิจิทัลเพื่อการลงทุนที่ออกเสนอขายต่อประชาชนตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ตลาดแรก)
ทั้งนี้ กรณีโทเค็นดิจิทัลที่ออกเสนอขายต่อประชาชนมีลักษณะของโทเค็นดิจิทัลเพื่อการลงทุนและโทเค็นดิจิทัลที่มีวัตถุประสงค์อื่น ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้รับยกเว้นภาษีข้างต้นเฉพาะกรณีที่สามารถแยกส่วนของโทเค็นดิจิทัลเพื่อการลงทุน และโทเค็นดิจิทัลที่มีวัตถุประสงค์อื่นออกจากกันได้เท่านั้น และยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการโอนโทเค็นดิจิทัลเพื่อการลงทุน (ตลาดรอง)
3. ระยะเวลาบังคับใช้ เริ่มตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2561 เป็นต้นไป (ย้อนหลังไปถึงวันที่พระราชกำหนดการประกอบสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มีผลใช้บังคับ)
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) คาดการณ์ว่าในช่วงปี 2566 ถึงปี 2567 จะมีการออกและเสนอขายโทเค็นดิจิทัลเพื่อการลงทุนมูลค่ารวมประมาณ 128,000 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นภาษีเงินได้นิติบุคคลประมาณ 25,600 ล้านบาท และภาษีมูลค่าเพิ่มประมาณ 8,960 ล้านบาท ดังนั้น ประมาณการสูญเสียรายได้ของภาครัฐ ในช่วง 2 ปี ที่ สำนักงาน ก.ล.ต. คาดการณ์รวมภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่ที่ประมาณ 35,279 ล้านบาท