“ดีแทค” ฟื้นจุดยืน “ใจดี” เร่งเอาใจลูกค้า

“ดีแทค” คืนสู่สามัญ ย้ำจุดยืนแบรนด์ “ใจดี-จริงใจ” ฟื้นสารพัดบริการยอดนิยมในตระกูล “ใจดี” ทั้งหลายมาทำตลาดใหม่ ทั้งเพิ่มดีกรีดูแลลูกค้าตอบโจทย์ “กิน-เที่ยว-ไลฟ์สไตล์”ครอบคลุมหัวเมืองหลักอีก 20 จังหวัดทั่วประเทศ

นายปัญญา เวชบรรยงรัตน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานพาณิชย์ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) กล่าวว่า จุดยืนในการทำตลาดของบริษัทยังคงยึดความจริงใจ และใจดี โดยนำเสนอบริการต่าง ๆ เน้นไปที่สร้างประสบการณ์ดิจิทัลไลฟ์สไตล์ ด้วยข้อเสนอที่มาพร้อมความคุ้มค่าทั้งด้านราคาและสิทธิประโยชน์ที่มากขึ้น เข้าใจง่าย และชูจุดเด่นบริการที่ลูกค้าชื่นชอบ เช่น บริการใจดีให้ยืม, ใจดีให้แปล, ใจดีแจกวัน, ใจดีให้โอน เป็นต้น เพื่อสร้างความแตกต่าง และรักษาฐานลูกค้าให้อยู่กับดีแทคนานขึ้น

“เราไม่ได้ออกแคมเปญใหม่ เพราะที่ผ่านมาออกมาเยอะ และหลงไปสื่อสารในเรื่องที่คู่แข่งสื่อสารมากไปจึงกลับมาปรับโฟกัสเรื่องเดิมในสิ่งที่ยั่งยืนจริง ๆ คือการนำเสนอบริการภายใต้แนวคิดใจดี ซึ่งเป็นวิถีเรา ไม่ใช่แค่สปีดหรือเรื่องสัญญาณ เน้นบริการ และความคุ้มค่าที่มากขึ้น ปัจจุบันมีฐานลูกค้า 22.7 ล้านคน เป็นที่ 3 ในแง่จำนวนลูกค้า เพราะเน้นการเพิ่มรายได้มากกว่าเพิ่มลูกค้า จากที่รายได้เคยลดลงต่อเนื่อง 3-4 ปี แต่ปีที่แล้วปรับสูงขึ้น และมีกำไรเพิ่มขึ้น”

ด้านนายศรุต วานิชพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ธุรกิจพรีเพด กลุ่มงานพาณิชย์ บริษัทเดียวกันกล่าวว่า ปีที่แล้ว ดีแทคมีซิม “โกเพลิน” ให้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตพื้นฐานตลอดการใช้งาน และซิม “โกโนลิมิต” ส่งผลให้ลูกค้าเติมเงินใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้น 86% เฉลี่ย 7 GB/เดือน จากเดิมอยู่ที่ 3.8 GB ทำให้รายได้เพิ่มขึ้น 28% จากแพ็กเกจ Go No limit และมียอดยกเลิกการใช้งานลดลง 2% โดยในปีที่แล้วยอดยกเลิกการใช้งานอยู่ที่ 1 ล้านราย จากการแข่งขัน และการเปลี่ยนจากพรีเพดมาเป็นโพสต์เพดมากขึ้น

“ตลาดพรีเพด เป็นตลาดที่ท้าทาย เพราะแข่งหนักมาก เรามองว่าโอกาสมาจากกลุ่มเด็กที่เริ่มมีมือถือ, กลุ่มต่างด้าว และนักท่องเที่ยว แต่อีกความยากคือจะให้คนสนใจมาใช้บริการรายเดือนอย่างไร เพราะการแข่งขันดึงลูกค้าจากคู่แข่งรายอื่น ๆ หนักมาก”

สำหรับกลยุทธ์ในการทำตลาดปีนี้จะเน้นที่บริการใจดีต่าง ๆ เพราะทำให้ลูกค้าใช้งานนานขึ้น เช่น บริการใจดีให้ยืมจะเพิ่มขึ้นเป็น 40 บาท/ครั้ง และสร้างระบบให้รองรับ 5 ภาษา ทั้งเมียนมา, กัมพูชา, จีน, อังกฤษ และไทยรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีนและแรงงานต่างชาติ รวมทั้งมีซิมโกอินเตอร์ ราคา 399 บาท ที่ร่วมกับบริษัทประกันซันเดย์ ให้ลูกค้าซื้อประกันเดินทางได้ในราคา 85 บาท คุ้มครอง 10 วัน และจะมีโปรดักต์ใหม่เจาะลูกค้ากลุ่มชายแดน เป็นต้น

“ถ้าลูกค้าใช้บริการมากขึ้นจะอยู่นานขึ้น เราไม่ได้มองแค่รักษาฐานลูกค้าเก่า แต่มองถึงว่าอาจไปชวนครอบครัวหรือเพื่อนมาใช้ ถ้าเห็นถึงความคุ้มค่า เพียงแต่ต้องใช้เวลา”

นายโรจน์ เดโชดมพันธ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ธุรกิจโพสต์เพด กลุ่มงานพาณิชย์ บริษัทเดียวกันกล่าวว่า ลูกค้ารายเดือนของดีแทคมีจำนวนใกล้เคียงกับเอไอเอส ที่มี 5.6 ล้านราย เพิ่มขึ้น 6 แสนรายในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้รายได้โต 17.9% มีรายได้เฉลี่ยเติบโตขึ้น 3% มีรายได้ต่อเลขหมายต่อเดือน 578 บาท มีกลุ่มผู้ใช้สมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้น 83% มีการใช้งานดาต้าเพิ่มขึ้น 96% และมีผู้ใช้งาน 4G เพิ่มขึ้น 34% ส่วนผู้ใช้แอปพลิเคชั่นดีแทคมี 1.5 ล้านราย เติบโต 125% คิดเป็น 50% ของฐานลูกค้ารายเดือน

สำหรับแพ็กเกจยอดนิยมคือ Super Non Stop มีสัดส่วน 70% โดย 87% ของผู้ใช้มีอินเทอร์เน็ตจะทบไปใช้ในเดือนหน้า โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 15 GB ทำให้ปีนี้ดีแทคจะโฟกัสที่แพ็กเกจนี้เป็นหลัก เพราะตอบโจทย์ลูกค้าดีกว่า

“อุตสาหกรรมโดยรวมตอนนี้ลูกค้าใช้อินเทอร์เน็ตต่อเนื่อง ทำให้รายเดือนค่อนข้างตอบโจทย์ ส่งผลให้ลูกค้ามองหาบริการรายเดือนและหาเครื่องมือถือที่ดีขึ้น ซึ่งกลุ่มเป้าหมายของดีแทคคือ กลุ่มแมส ดังนั้นเราจะให้โปรโมชั่นที่คุ้มค่า และการลดราคาค่าเครื่อง”

นอกจากนี้ บริษัทยังจะเพิ่มความแข็งแกร่งของแบรนด์ด้านดูแลลูกค้า โดยเตรียมขยายสิทธิพิเศษในโปรแกรม “ดีแทครีวอร์ด” ให้ครอบคลุมอีก 20 จังหวัดตอบโจทย์ด้านการกิน, เที่ยว และไลฟ์สไตล์ ตั้งเป้าเพิ่มร้านค้าเป็น 30,000 ร้านค้า จากปัจจุบันมี 25,000 ร้านค้าทั่วประเทศ รวมถึงร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ในการนำเสนอบริการดิจิทัลในรูปแบบที่ช่วยสร้างความบันเทิง

พร้อมเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ใหม่ “ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์” เพื่อย้ำภาพใจดี ขี้เล่น เรียบง่าย