ตำรวจไซเบอร์ แนะวิธีป้องกันกลโกงมิจฉาชีพออนไลน์ ย้ำ “คิดก่อนโอน”

พ.ร.ก.ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
ภาพจาก PIXABAY

“ตำรวจไซเบอร์” เตือนภัยอาชญากรรมทางไซเบอร์หลายรูปแบบ พร้อมแนะวิธีป้องกันสารพัดกลโกง หลังคดีออนไลน์พุ่งทะลุ 2.7 แสนเรื่องภายในปีเดียว ความเสียหายเฉลี่ยวันละ 74 ล้านบาท

วันที่ 23 มิถุนายน 2566 ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ตำรวจไซเบอร์) ประกาศเตือนภัยอาชญากรรมทางไซเบอร์หลายรูปแบบหลังพบว่าในช่วงที่ผ่านมา ประชาชนตกเป็นเหยื่อมากขึ้น

จากข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่ายอดสะสมของผู้แจ้งความออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565-31 พฤษภาคม 2566 เป็นคดีออนไลน์จำนวน 270,360 เรื่อง เฉลี่ยวันละ 525 คดี คิดเป็นความเสียหายเฉลี่ยวันละ 74 ล้านบาท

สำหรับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่พบเห็นบ่อยในปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งตำรวจไซเบอร์ได้ให้รายละเอียดและมีคำแนะนำดังนี้

1.มิจฉาชีพหลอกให้รับพัสดุเก็บเงินปลายทาง

กลโกงของคนร้าย :

  • ส่งพัสดุเรียกเก็บเงินปลายทาง
  • ผู้เสียหายจำไม่ได้ว่าสั่งสินค้าไปหรือไม่ และไม่ได้ตรวจสอบ
  • ผู้เสียหายหลงเชื่อจ่ายเงินและรับพัสดุ

วิธีป้องกัน :

ADVERTISMENT
  • ตรวจสอบให้ดีว่า สั่งพัสดุไว้หรือไม่ สังเกตชื่อผู้ส่ง-ผู้รับว่าถูกต้อง
  • ตรวจสอบเลขพัสดุให้ตรงกัน
  • ถ้ารับพัสดุแทน ต้องสอบถามเจ้าของพัสดุก่อน

2.หลอกลวงให้โอนเงินทำกิจกรรมเพื่อรับค่าตอบแทนจากเว็บไซต์ 18+

กลโกงของคนร้าย :

  • มิจฉาชีพโพสต์ Facebook และยิง Ads โดยใช้รูปแบบเว็บไซต์ 18+
  • ผู้เสียหายหลงเชื่อกดลิงก์เพิ่มเพื่อนทางไลน์ จากนั้นมิจฉาชีพจะดึงเข้ากลุ่มที่มีหน้าม้า และอ้างว่าต้องโอนเงินก่อน
  • เมื่อเข้ามาในกลุ่มแล้ว จะต้องโอนเงินอีก แต่ได้ปันผลคืนมา
  • มีข้ออ้างที่ต้องโอนเพิ่ม จนผู้เสียหายหมดตัว

วิธีป้องกัน :

ADVERTISMENT
  • ตรวจสอบว่าเป็นบัญชีทางการ (Official) หรือไม่
  • ตรวจสอบการกด Reaction ของเพจ หากเป็นของปลอมจะมีการกด Reaction ด้านลบ
  • ตรวจสอบความโปร่งใสของเพจ
  • ไม่เปิดอ่าน หรือกดลิงก์โฆษณาแปลกปลอม
  • การทำภารกิจที่ต้องมีการโอนเงินก่อน ให้สงสัยไว้ก่อนว่าเป็นกลโกงของมิจฉาชีพ
  • ตรวจสอบชื่อบัญชีธนาคารปลายทางจากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือว่าเป็นพวกมิจฉาชีพหรือไม่
  • หากรู้ตัวว่าถูกหลอก ให้รีบ โทร.หาธนาคารเพื่อระงับการทำธุรกรรม และรีบไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภายใน 72 ชั่วโมง

3.url.cc อาจเป็นลิงก์ดูดเงิน

ข้อสังเกต :

  • .cc เป็นโดเมนที่ใครก็จดทะเบียนได้

วิธีป้องกัน :

  • สังเกตชื่อเว็บไซต์หรือ URL อย่างละเอียด
  • ไม่คลิกลิงก์แปลกปลอมที่แนบมากับอีเมล์ หรือ SMS

4.หลอกลวงให้กู้เงินออนไลน์

กลโกงของคนร้าย :

  • โพสต์เชิญชวนให้กู้เงินออนไลน์
  • หลอกลวงว่า สามารถกู้เงินได้ง่ายในวงเงินหลายหมื่นบาท โดยเสียค่าดำเนินการ 10% ของยอดเงินที่ต้องการกู้ จากนั้นจะมีเงินโอนเข้าบัญชีธนาคารในวันรุ่งขึ้น
  • ไม่ได้รับเงินตามสัญญา โดยคนร้ายอ้างว่าเกิดข้อผิดพลาดในการทำรายการ
  • คนร้ายอ้างว่าให้โอนเงินเพิ่มเพื่อแก้ไขรายการ แต่สุดท้ายถูกระบบอายัดเงินทั้งหมดไม่สามารถถอนเงินได้
  • เหยื่อหลงเชื่อจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายรวมหลายล้านบาท

ข้อสังเกต :

  • คนร้ายใช้อุบายเชิญชวนให้เหยื่อหลงเชื่อ
  • หลอกว่ากู้เงินง่าย ไม่ต้องเช็กเครดิต ไม่ต้องมีคนค้ำ
  • หลอกว่าถ้าโอนเงินเพิ่มจำนวนเล็กน้อย จะได้ยอดเงินเพิ่มขึ้นจากเดิม ส่งผลให้มีผู้เสียหายหลงเชื่อเป็นจำนวนมาก
  • อ้างว่าเกิดข้อผิดพลาด ทำให้เหยื่อถอนเงินไม่ได้ สุดท้ายเสียเงินฟรี

5.Romance Scam-หลอกให้รัก หลอกให้โอน

กลโกงของคนร้าย :

  • ใช้โปรไฟล์ปลอมเป็นชาวต่างชาติ หน้าตาดี มีฐานะ ทักไปหาเหยื่อ
  • พูดจาหว่านล้อม ให้เหยื่อหลงเชื่อคำเยินยอ
  • ตกหลุมรักไวมาก ๆ ไม่ถึงสัปดาห์ เรียก “baby”, “honey”, “ที่รัก”
  • หลีกเลี่ยงการเปิดกล้อง หรือพูดคุยเห็นหน้า
  • พอเหยื่อเริ่มหลงรักและเชื่อใจ จะสร้างสถานการณ์ให้เหยื่อต้องโอนเงิน เช่น ขอยืมเงิน, ขอความช่วยเหลือด่วน, ส่งเงินหรือทรัพย์สินมีค่ามาให้ แต่ต้องเสียเงินค่าธรรมเนียมก่อนรับของ เป็นต้น
  • เมื่อเหยื่อโอนเงินจนหมด มิจฉาชีพก็จะตัดการติดต่อกับเหยื่อทันที

วิธีป้องกัน :

  • ต้องมีสติ อย่าหลงเชื่อกลลวง
  • อย่าไว้ใจคนแปลกหน้าผ่านทางโลกออนไลน์
  • ตรวจสอบข้อมูลบุคคลให้แน่ชัดว่ามีตัวตนจริงหรือไม่
  • อย่าหลงเชื่อกลลวง และห้ามโอนเงินให้คนที่เพิ่งรู้จักกัน ห้ามให้ข้อมูลส่วนตัวผ่านทางออนไลน์กับผู้อื่นเด็ดขาด

เตือนอย่าหลงเชื่อคนที่เข้ามาจีบทางออนไลน์แล้วหลอกโอนเงิน