“ทรู” ลงทุน 3.6 พันล้านบาท ลงทุน “เคเบิลใต้น้ำ SJC2” เชื่อมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เสริมศักยภาพไฮสปีดอินเทอร์เน็ตรองรับดาต้าโตเพิ่มแม่เหล็กดึงดูดต่างชาติลงทุนในไทย
นายวิเชาวน์ รักพงษ์ไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ร่วม บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า กลุ่มทรูได้ร่วมลงทุนในโครงการ “เคเบิลใต้น้ำ เอสเจซีทู” เป็นเงิน 3,600 ล้านบาท คาดว่าจะเสร็จในไตรมาส 4 ปี 2563
โดยเคเบิลใยแก้วนำแสง มีความจุสูงสุด 8 คู่ใยแก้วนำแสง (fiber pair) รองรับ 144 เทราไบต์/วินาที มีความยาวกว่า 10,500 กิโลเมตร มีจุดเชื่อมต่อ 11 จุดในภูมิภาค เทียบเท่ากับการทำสตรีมมิ่งวิดีโอความละเอียดสูง ถึง 5.76 ล้านวิดีโอ/วินาที ทำให้รองรับการใช้งานวิดีโอสตรีมมิ่ง, วิดีโอระดับความคมชัดสูง, แอปพลิเคชั่นเสมือนจริง, การสื่อสารในระบบ 5G, ปัญญาประดิษฐ์, ระบบคลาวด์, การวิเคราะห์ข้อมูล,หุ่นยนต์ และ internet of things จึงมั่นใจว่าเป็นประโยชน์ในทุกภาคส่วน รวมทั้งลูกค้าองค์กรและผู้บริโภคทั่วไป
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
ด้านนายสุพจน์ มหพันธ์ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจระหว่างประเทศ บริษัทเดียวกัน เสริมว่า การมีเคเบิลใต้น้ำ เอสเจซีทูจะทำให้กลุ่มทรูมี international internet gateway (IIG) เชื่อมต่อกับสิงคโปร์ ไทย กัมพูชา เวียดนาม ฮ่องกง ไต้หวัน จีนแผ่นดินใหญ่ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ด้วยเทคโนโลยีใหม่ทำให้การเพิ่ม และขยายแบนด์วิดท์ทำได้เร็วขึ้น เป็นระบบแรกที่เป็นระบบเปิด โดยสมาชิกเพิ่มความจุของเคเบิลได้ด้วยตนเอง ทำให้ยืดหยุ่นในการรองรับความต้องการของตลาดทั้งในประเทศไทย และภูมิภาค
ปัจจุบันลูกค้าทรูมีการใช้แบนด์วิดท์ไปต่างประเทศ 800 จิกะไบต์ ขณะที่ขีดความสามารถของระบบมี 1 เทราไบต์ และในปี 2563 การใช้งานจะโตเป็น3 เทราไบต์ เมื่อโครงการนี้เสร็จจะมีความจุเพิ่มอีก 18 เทราไบต์
“มาเลเซีย สิงคโปร์ สร้างเคเบิลใต้น้ำจำนวนมาก ขณะที่ไทยยังไม่ลงทุน แต่มีการใช้อินเทอร์เน็ตมากกว่า ปี 2012-2017 มีการใช้ข้อมูลเพิ่ม 58% การที่ทรูลงทุนในเอสเจซีทู ช่วยให้ต่างประเทศใช้ไทยเป็นฮับในการต่ออินเทอร์เน็ต น่าจะดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติมากขึ้น เพราะคนที่จะมาลงทุนดูที่ความสามารถในการเชื่อมกับเพื่อนบ้าน”