
คอลัมน์ สตาร์ตอัพ “ปัญหา” ทำ “เงิน” โดย มัชฌิมา จันทร์สว่างภูวนะ
ตอน “เจมส์ ปาร์ก กับเอริกฟรีดแมน” ตัดสินใจตั้งบริษัทเองในปี 2007 ด้วยทุนรอนส่วนตัว พวกเขาไม่คิดว่า Fitbit หรือสายรัดข้อมือที่มีระบบตรวจจับการเคลื่อนไหวของร่างกายที่คิดค้นขึ้นจะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า กลายเป็นสตาร์ตอัพทำเงินแนวหน้า
ช่วงเริ่มต้น ทั้งคู่เจออุปสรรคมากมาย เงินทุน 4 แสนเหรียญที่หยิบยืมมาหมดอย่างรวดเร็ว จนต้องตระเวนหานักลงทุนไปทั่ว โดยมีแค่สายรัดข้อมือต้นแบบ1 อัน กับกล่องโปเก 1 ใบ อเนจอนาถถึงขั้นที่ “เอริก” เอ่ยปากว่า คงมีคนโง่ไม่ถึงห้าคนที่จะหน้ามืดยอมควักเงินลงทุน
ผ่านไป 1 ปี มีนักลงทุนตาถึง ทั้งคู่จึงมีโอกาสได้ไปเปิดตัวที่งาน Techcrunch ได้ออร์เดอร์ ลอตแรก เข้ามา 2,000 ชิ้น
“เจมส์” รับปากลูกค้าว่าสินค้าจะถึงมือภายในคริสต์มาส โชคดีที่ไม่ได้บอกว่าคริสต์มาสปีไหน เพราะขาดประสบการณ์และความรู้เรื่องการผลิต ทำให้ล้มลุกคลุกคลานแทบปิดบริษัทไปถึง 7 หน กว่าลอตแรกจะวางขายเป็นทางการก็ปาเข้าไปช่วงคริสต์มาสปีถัดมา
หลังเทกออฟแล้ว ยอดขายก็พุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ทำให้คนรู้สึกว่าการออกกำลังกายไม่จำเป็นต้องไปฟิตเนสแค่เดินไปเดินมาในออฟฟิศ ปีนขึ้นลงบันไดในบ้าน ก็ส่งผลดีต่อสุขภาพได้ เพราะมีระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวแล้วคำนวณออกมาเป็นแคลอรี่ที่เผาผลาญ
มันคือสินค้าที่ใช่ ในเวลาที่ใช่ และในราคาที่ใช่ ทำให้ Fitbit กลายเป็นผู้นำตลาด fitness wearable devices มีมาร์เก็ตแชร์กว่า 70% มีมูลค่าสูงกว่า 2 พันล้านเหรียญตอนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2015
แต่เพลิดเพลินกับความสำเร็จได้ไม่นาน “Fitbit” เผชิญมรสุมลูกใหญ่หลายระรอก เริ่มจากความผิดพลาดในการผลิต จนต้องเรียกสินค้าคืนบางส่วน มีคู่แข่งมากขึ้น ทั้ง Xiaomi เจาะตลาดล่าง Apple แย่งตลาดบน มี Samsung และ Garmin ที่คอยตอดเล็กตอดน้อย
ประกอบกับผู้บริโภคหันไปเห่อสินค้าใหม่อย่าง smart watch ที่ทำได้มากกว่า fitness tracker ทำให้ยอดขาย Fitbit ลดลงต่อเนื่อง ต้นปี 2016 หุ้นร่วงกว่า 60% ส่งผลให้ต้องเลย์ออฟพนักงาน 6%
ไตรมาส 2 ปีที่แล้ว Fitbit เสียแชมป์ให้ Xiaomi ด้วยมาร์เก็ตแชร์ 17% ขณะที่ Fitbit มีแชร์แค่ 16% ถึงไตรมาสถัดจะพลิกกลับมาเสมอ แต่ภาพรวมทั้งปีก็ยังย่ำแย่ แถมปีนี้บริษัทยอมรับกลาย ๆ ว่ารายได้ยังจะลดลงไปอีก 15-20%
“Fitbit” ดิ้นปรับกลยุทธ์ขนานใหญ่ แบ่งโฟกัสเป็นลูกค้ารายย่อยกับองค์กร เน้น smart watch ตามเทรนด์ผู้บริโภค มีแอปพลิเคชั่นที่เจาะลึกเฉพาะกลุ่ม
ตอนนี้ทั้งคู่ไม่ใช่ละอ่อนเหมือนเมื่อสิบปีก่อนอีกต่อไป ด้วยมูลค่าบริษัทหลายพันล้าน มีพนักงาน 2,000 คนที่ต้องดูแล เดิมพันสูงขึ้นหลายเท่า ทำเอาสาวก Fitbit ลุ้นกันตัวโก่งว่าทั้งคู่จะประคองตัวผ่านพ้นวิกฤตคราวนี้ได้หรือไม่