G-Able เร่งปิดดีลบริษัทซอฟต์แวร์ระดับโลก เป้ารายได้ 5พันล้านบาท ปี’67

G-Able เผยรายได้ปี 2566 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ชี้ ความต้องการของลูกค้าองค์กรยังสูงอยู่ ความต้องการใช้ซอฟต์แวร์ HCM โต 18% เร่งปิดดีลบริษัทซอฟต์แวร์ HCM ระดับโลกมาให้บริการลูกค้าไทย คาดรายได้ปี 2567 รักษาการเติบโต ทำนิวไฮมี Backlog แล้ว 5.5พันล้านบาท 

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 ดร.ชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ในฐานะที่จีเอเบิล ในปี 2566 ถือว่า G-Able ประสบความสำเร็จในการยกระดับเป็นบริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) และการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้จีเอเบิลมีฐานความพร้อมด้านเงินทุนที่สามารถต่อยอดการลงทุนในด้านต่างๆ ทั้ง Capacity และ capability ได้ตามแผน ทำให้สามารถทำรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ จากการดำเนินการเติบโตอยู่ที่ 5.3 พันล้านบาท สูงกว่าปี 2565 ถึง 13%

“แม้ว่าสถานการณ์การแข่งขันเพื่อช่วยองค์ทำดิจิทัลทรานสฟอร์มในปัจจุบัน จะมีผู้เล่นมาก แต่เชื่อว่าความต้องการของตลาดยังมีอยู่ อย่างเช่นสิ่งที่ทุกคนทุกองค์กรจับตามองคือเรื่องของปัญญาประดิษฐ์ และด้วยความที่ G-Able เป็น Competitive Edge ที่ช่วยให้ธุรกิจแข่งขันด้วยเทคโนโลยีมายาวนาน เห็นโอกาสการเติบโตจากเทรนด์ AI ที่มีบทบาทกับองค์กรธุรกิจมากขึ้น”

ทุกธุรกิจองค์กรจะต้องพัฒนาระบบให้เป็น AI Ready Organization ทั้งระบบ ตั้งแต่การวางโครงสร้างพื้นฐานไอทีบนคลาวน์ การทำระบบ Data Analytics ผ่านซอฟต์แวร์ Big Data Platform รวมไปถึงการวางระบบ Cybersecurity ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ทุกระบบในองค์กรทั้ง Front Office และ Back Office มีความพร้อมในการทำงานร่วมกับ AI ในอนาคต

อีกหนึ่งโอกาสการเติบโตที่สำคัญ คือ การสร้าง Smart Organization ผ่าน Business Application โดยเฉพาะ Human Capital Management Software (HCM) เพราะทรัพยากรสำคัญ ที่สำคัญ คือ “คน”  จากข้อมูลของการ์ทเนอร์ เผยถึงการเติบโตเฉลี่ยของตลาด HCM ในอีก 3 ปีข้างหน้าอยู่ที่ 18%

เนื่องจากองค์กรต้องการสร้างความสามารถทางการแข่งขันผ่านการสร้างและพัฒนา Talent  ซึ่งซอฟต์แวร์แพลตฟอร์มจะช่วยยกระดับองค์กรในการเอา Big Data และ AI มาใช้ทำ Talent Analytics, Skill Management และ สร้าง Productivity และ Efficiency ของพนักงานแต่ละส่วนงาน

ADVERTISMENT

“ในเรื่องนี้ G-Able กำลังเจราจากับบริษัทซอฟต์แวร์ HCM (Human Capital Management Software) รายใหญ่ที่สุดของโลก ที่มีจำนวนผู้ใช้ 65 ล้านคน เพื่อให้ G-Able เป็นผู้นำไปติดตั้งและให้บริการลูกค้าในไทยได้แต่เพียงผู้เดียว คาดว่าจะปิดดีลได้ในปีนี้ และเราจะต้องเป็นผู้สร้างทีมเพื่อพัฒนาการให้บริการระบบดังกล่าว”

โดยการแสวงหาพาร์เนอร์รายใหญ่ ๆ มาช่วยขยายบริการให้ลูกค้าในประเทศ ถือ เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งในการเพิ่มรายได้

อีกส่วนคือ การที่ G-Able เป็นเจ้าของ Software Platform ที่มีการเติบโตสูงในหลายด้าน ถือเป็น Growth Engine สำคัญที่ส่งผลให้ธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีสัดส่วนรายได้ประจำที่ได้จาก 3 แพลฟอร์มที่เป้น IP ของเราเอง คิดเป็น 2.4% หรือร้อยกว่าล้านบาท จากรายได้ทั้งหมด 5.3พันล้านบาท

เมื่อรวมกับ 5 บริษัทในเครือเป็นพอร์ตหลักที่มั่นคงในการสร้างรายได้ และมีการใช้ Value-Added Distribution เป็นตัวต่อยอดการเติบโต ขณะที่ยังสามารถรักษาระดับรายได้จากรายได้ประจำ (Recurring income) ได้กว่าครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมด และ มียอด Backlog สูงที่สุดในประวัติการณ์มากกว่า 4,500 ล้านบาท

นางสาวรวีรัตน์ สัจจวโรดม ประธานบริหารสายงานการเงินและกลยุทธ์ บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2566 G-Able มีรายได้จากการดำเนินการเติบโตอยู่ที่ 5,338 ล้านบาท สูงกว่าปี 2565 ถึง 13% แม้มีปัจจัยภายนอกเข้ามากระทบทั้งความผันผวนของปัจจัยระดับมหภาคและอุตสาหกรรมมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น แต่จีเอเบิลยังคงเติบโตแบบสวนกระแส และสามารถเร่งการเติบโตของรายได้เป็น Double Digit ได้ในทุกส่วนธุรกิจทั้ง Enterprise Solution, Value Added Distribution และ Software Platform จากลูกค้าของจีเอเบิล

นอกจากนี้ หลังจากเข้าตลาด จีเอเบิลสามารถสร้างกำไรขั้นต้น จำนวน 1,099 ล้านบาท ในปี 2566 เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปีก่อน คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับร้อยละ 21 ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันปีก่อน

ด้านกำไรสุทธิปี 2566 อยู่ที่ 253 ล้านบาท และจีเอเบิล มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในระดับ 4,544 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 16% จากไตรมาส 3 ปี 2566 รองรับการรับรู้รายได้ในอนาคต และมี Backlog ที่พร้อมรองรับรายได้ในปี 2567 แล้วกว่า 2,753 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งของเป้าหมายรายได้ในปี 2567

นอกจากนี้บริษัทยังมองเห็นโอกาสเติบโตในอนาคตได้อีกมาก จากตัวเร่งความต้องการในการสร้าง AI Ready Organization ที่ลูกค้าต้องทำ AI-Ready Foundation ให้พร้อมทั้ง Data Analytics และ Cybersecurity อีกทั้งยังมีโอกาสเติบโตจาก การเป็นพาร์ทเนอร์ใน Business Applications รวมถึงโอกาสการต่อยอดธุรกิจแบบ Inorganic Investment ผ่านการ M&A

ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ จะทำให้จีเอเบิลสะสม Backlog เพิ่มขึ้นเพื่อเดินหน้า All Time High ต่อในปี 2567 นี้ ประมาณ 4,500-5,500 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าปีนี้จีเอเบิลจะรักษาระดับ Gross Profit Margin ไว้ได้ที่ 20-22% ในขณะที่มี Recurring Income เพียงพอที่จะบริหารความเสี่ยงให้นักลงทุนมากกว่า 50% ด้วยการรักษาวินัยทางการเงิน

ประกอบกับตอนนี้มีเงินทุนเหลือมากถึง 600 ล้านบาท จาก IPO ทำให้มีความพร้อมในปีนี้ที่จะต่อยอดการเติบโต ทั้ง Capacity และ Capability เพื่อตอบรับเทรนด์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2567

กลยุทธ์ Sustain คือ Smart + Secure

กลยุทธ์ในปี 2567 ของจีเอเบิล เกิดจากแนวคิดที่ต้องการสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนให้ลูกค้าด้วย Smart + Secure
จึงเป็นฐานความคิดในการวางกลยุทธ์ 3 ส่วนหลัก ดังนี้

1. การนำ Core Business ของจีเอเบิลในส่วน Enterprise Solutions and Services ที่มี 5 พอร์ตหลัก ได้แก่ Data analytics, Cloud, Cybersecurity, Application Development และ Managed Tech Services รวมกับ IP platform ของจีเอเบิล เข้าไปช่วยเตรียมความพร้อมเรื่อง AI Ready Data และ AI Ready Security เพราะยิ่งเทรนด์ AI และ Cybersecurity มีความต้องการสูง ก็จะสร้างการเติบโตให้กับจีเอเบิลมากขึ้น

2. การขยาย Capability ด้วยโอกาสใน Business Application ที่มีศักยภาพด้าน HCM และ ERP ผ่านการเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทระดับโลกในด้านต่างๆ และเฟ้นหา Smart Business Applications อื่นๆ ที่น่าสนใจเข้ามาช่วยธุรกิจของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

3. มุ่งเน้นลงทุนในบริษัทที่ตอบโจทย์ทางธุรกิจของจีเอเบิล เพื่อเพิ่มโอกาสที่มีมากกว่าและผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจ สร้างความได้เปรียบในการนำเงินทุนจาก IPO ราวๆ 600 ล้านบาท สู่การต่อยอดการเติบโตในอนาคต ภายใต้กรอบ Investment Framework ที่มุ่งเน้น 3 เรื่องหลัก 1. Right Product Right Technology 2. Win-Win Business Synergy 3. Right Price Right Value