เอ้ก ดิจิทัล กวาดรายได้ปี‘66 ทะลุ 2.2 พันล้าน ตั้งเป้าโต 25% ด้วยโซลูชั่นดาต้า-AI

เอ้ก ดิจิทัล

“เอ้ก ดิจิทัล” โชว์ผลงานปี 2566 กวาดรายได้เกิน 2,200 ล้านบาท โตจากปีก่อน 32% ตั้งเป้าปี 2567 รายได้โตเพิ่ม 25% พร้อมชูความต่างเป็น “ตัวเร่ง” การเติบโตทางธุรกิจด้วย MarTech และ AI

วันที่ 13 มีนาคม 2567 ดร.ธีรเดช ดำรงค์พลาสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ้ก ดิจิทัล จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบัน เอ้ก ดิจิทัล ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ารวมกว่า 400 แบรนด์ และในปี 2566 สามารถสร้างรายได้เกิน 2,200 ล้านบาท เติบโตจากปี 2565 ราว 32% ซึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินงานของ 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1.ธุรกิจ Analytics Al and Consultation ให้บริการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกด้วย AI แก่ธุรกิจต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ธุรกิจเข้าใจข้อมูลของลูกค้า ข้อมูลภายในองค์กร พฤติกรรมตลาด และแนวโน้มต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น

2.ธุรกิจ Media Convergence ผสานช่องทางสื่อต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ทั้งสื่อออนไลน์ สื่อในห้างค้าปลีก สื่อนอกบ้าน และกิจกรรมส่งเสริมการขายในห้าง เพื่อสร้างประสบการณ์ไร้รอยต่อให้ผู้บริโภค พร้อมช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงลูกค้าได้หลายช่องทาง

ดร.ธีรเดช ดำรงค์พลาสิทธิ์

และ 3.ธุรกิจ MarTech Solution นำเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการตลาด การดำเนินงาน และเข้าใจลูกค้าได้ดีขึ้น ผ่านช่องทางการสื่อสาร SMS LINE รวมถึงเชื่อมโยงกับโมบายแอปพลิเคชั่น และเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI)

นายวรภัทร งามเจตวรกุล ผู้จัดการทั่วไป ธุรกิจ Analyics Al and Consulation บริษัท เอ้ก ดิจิทัล จำกัด กล่าวว่า การใช้ข้อมูล จัดเก็บ และวิเคราะห์บิ๊กดาต้า ยังคงเป็นเทรนด์ที่ภาคธุรกิจทั่วโลกให้ความสำคัญ และต่างมองหาตัวช่วยทั้งด้าน AI เทคโนโลยีและบริการต่าง ๆ ที่สามารถหาผลลัพธ์และให้คำแนะนำได้แบบเฉพาะเจาะจง ลึก ง่าย และรวดเร็วยิ่งขึ้น

ADVERTISMENT

โดยเอ้ก ดิจิทัล วางแผนรุกตลาดในปีนี้ด้วยให้บริการข้อมูล 720 องศา หรือการเชื่อมโยงข้อมูลหลาย ๆ ส่วนจากแต่ละอุตสาหกรรมเข้าด้วยกัน ผ่าน 3 แผนการดำเนินงานหลัก ได้แก่ 1.Advanced Analytics เพิ่มศักยภาพการวิเคราะห์บิ๊กดาต้าและการให้คำแนะนำกลุ่มค้าปลีกที่ลงลึกและรวดเร็วขึ้นด้วย AI 2.Client-base Expansions ขยายฐานลูกค้าสู่ธุรกิจขนาดกลาง-เล็กด้วยการเพิ่มโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ธุรกิจแต่ละขนาดในราคาที่เข้าถึงได้ และ 3.Analytics as a Service เข้าใจโจทย์แต่ละธุรกิจผนวกกับ Al ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับธุรกิจนั้น ๆ

“ในปีนี้ เอ้ก ดิจิทัล วางแผนเปิดตัวโซลูชั่นด้านธุรกิจค้าปลีก (EGG Retail Studio-ERS) ได้แก่ 1.EGG AI Wrap ที่ใช้ AI และ LLM (Large Language Model) วิเคราะห์ข้อมูลออกมาเป็นบทสรุปเชิงลึกที่เข้าใจง่ายและนำไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว และ 2).EGG AI Talk ที่สามารถป้อนคำถาม คำสั่งให้หาคำตอบในประเด็นต่าง ๆ ออกมาเป็นภาษาที่เฉพาะเจาะจงกับธุรกิจคู่ค้าได้อย่างตรงประเดิน เช่น การเช็กยอดขายรายสินค้าในช่วงเวลาและสาขาต่าง ๆ ไปจนถึงพฤติกรรมการจับจ่ายที่สามารถจำแนกประเภทลูกค้าเป็นกลุ่มได้”

ADVERTISMENT

นายชัชพล องนิธิวัฒน์ ผู้จัดการทั่วไป ธุรกิจ Media Convergence บริษัท เอ้ก ดิจิทัล จำกัด กล่าวว่า เรากำลังอยู่ในยุค PHYGITAL ที่ผู้บริโภคใช้ชีวิตแบบผสมผสานระหว่างโลกดิจิทัลและโลกจริง มีพฤติกรรมหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น (Multi-Persona) โดยการตัดสินใจบนโลกออนไลน์ทั้งการเลือกเสพสื่อไปจนถึงการซื้อสินค้าจะเกิดขึ้นถี่และผ่านไปไวมากกว่าแต่ก่อน (Micro-Moments)

ดร.ธีรเดช ดำรงค์พลาสิทธิ์

โดยผู้บริโภคจะเลือกมีส่วนร่วมเฉพาะกับสิ่งที่ตรงใจและเกี่ยวข้องกับตัวเองเท่านั้น จึงทำให้เกิดชุมชนใหม่ ๆ ที่มีความชอบเหมือนกัน (Subculture) ทำให้ Short Form VDO และสื่ออย่างอินฟลูเอนเซอร์ KOLs/KOC เติบโตเร็วและมีอิทธิพลมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างเห็นได้ชัด แต่ในขณะเดียวกันผู้บริโภคยุคนี้ยังมองหา Third Place นอกจากที่บ้านและที่ทำงานเพื่อพบปะสังคมและได้รับประสบการณ์จริงจากการซื้อสินค้าที่หน้าร้าน ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่โลกออนไลน์ทดแทนไม่ได้

เอ้ก ดิจิทัลจึงรุกตลาดผ่านแนวทาง Media Convergence ผ่านการดึงศักยภาพของ First Party Data ข้อมูลขนาดใหญ่ที่รวบรวมพฤติกรรมการซื้อของลูกค้าจากพันธมิตรห้างค้าปลีกที่มีฐานสมาชิกกว่า 15 ล้านคน และข้อมูล Third Party Data ด้วยเทคโนโลยีและความสามารถในการวิเคราะห์ มาใช้ในการวางแผนการตลาดให้ตอบโจทย์แบรนด์ได้อย่างตรงจุด

และนำอินไซต์ที่ได้มาต่อยอดการสื่อสารสร้างคอนเทนต์ให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย พร้อมเติมเต็มการสื่อสารด้วยการใช้สื่อ O4 (Online, Out-of-Home, On-Premise, and On-Ground Activation) และแนะนำสัดส่วนการทำการตลาดที่เหมาะสม

“จากการทำงานที่ผ่านมา แบรนด์ที่ใช้บริการ Media Convergence สามารถเพิ่มอัตราผู้ซื้อ (Customer Conversion Rate) ได้สูงขึ้น 7.15 เท่า รวมถึงลูกค้าที่ซื้อสินค้าหน้าร้านใช้เงินสูงขึ้นกว่า 30% เมื่อเทียบกับการใช้สื่อเพียงสื่อใดสื่อหนึ่ง”

นางสาวรัฐธีร์ เจริญรัตน์วรกุล ผู้จัดการทั่วไป ธุรกิจ MarTech Solution บริษัท เอ้ก ดิจิทัล จำกัด กล่าวว่า ในปี 2567 คาดว่าองค์กรต่าง ๆ จะใช้งบลงทุนด้านมาร์เทคโดยเฉลี่ย 46% ของงบการตลาดขององค์กร สะท้อนให้เห็นว่ามาร์เทคยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำการตลาดยุค Data-Driven ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจ ซึ่งเราจะรุกตลาดด้วย 2 แนวทาง ได้แก่

1.เพิ่มศักยภาพบริการด้วย AI, เทคโนโลยีขั้นสูง และฐานข้อมูลของลูกค้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการวางกลยุทธ์และแผนการตลาดดิจิทัลให้คู่ค้า เพราะจากกรณีศึกษาที่ประสบความสำเร็จในการใช้ AI และ Loyalty Platform สร้างแคมเปญการตลาดและให้ความรู้เรื่องผลิตภัณฑ์ เราสามารถเพิ่มยอดขายให้กับแบรนด์ได้ 100% เปิดช่องทางการสื่อสารใหม่ และเพิ่มจำนวนสมาชิกโซเชียลมีเดียของแบรนด์ได้ 30%

2.เปิดตัวบริการใหม่ E-LON (EGG LINE Official Notification) โซลูชั่นส่งข้อความทางเบอร์โทรศัพท์ผ่าน SMS และ LINE เมื่อลูกค้าทำการสั่งซื้อสินค้า จะมีการส่งแจ้งเตือนมาที่บัญชี LINE ของลูกค้า ซึ่งผูกกับเบอร์โทรศัพท์ไว้อยู่แล้ว โดยที่ลูกค้าไม่จำเป็นต้องเพิ่มเพื่อนจากบัญชี LINE OA ของแบรนด์นั้น ๆ

“E-LON เป็นวิวัฒนาการของ SMS Marketing ที่เพิ่มความสะดวกและรวดเร็วในการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย ลดปัญหาข้อความจากมิจฉาชีพ เพราะสามารถยืนยันตัวตนผู้ส่งได้ ช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีต่อผู้รับข้อความ และในปัจจุบันมีกลุ่มธุรกิจยานยนต์ และกลุ่มอาหารเครื่องดื่มที่เริ่มใช้บริการนี้แล้ว โดยเราตั้งเป้าที่จะสร้างการรับรู้ในกลุ่มธุรกิจทางการเงินมากขึ้น“

ดร.ธีรเดช กล่าวด้วยว่า สำหรับปี 2567 เอ้ก ดิจิทัล จะเดินหน้าสร้างการเติบโตให้กับบริษัทและธุรกิจของคู่ค้าอย่างต่อเนื่อง ด้วยศักยภาพด้านเทคโนโลยี บริการที่แตกต่าง และอีโคซิสเต็มที่แข็งแกร่งของ ทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ ภายใต้กลยุทธ์ “2024 Deep Tech Revolution: catalyzing growth with AI, Media and Marfech” ที่สร้างการเติบโตให้ภาคธุรกิจด้วยบริการด้านวิเคราะห์ดาต้า, มาร์เทค และโซลูชั่นที่ขับเคลื่อนด้วยดาต้า, Al และเทคโนโลยีขั้นสูง ผ่านการทำงานเชิงรุก 6 ด้าน ได้แก่

1.มุ่งใช้ Al เพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ โดยจะพัฒนาบริการใหม่ที่ช่วยยกระดับธุรกิจคู่ค้าในมิติต่าง ๆ

  1. ขยายฐานลูกค้าใหม่ทั้งในไทยและต่างประเทศ

3.เพิ่มขีดความสามารถด้าน Al ให้กับบุคลากร พร้อมดึงดูดคนรุ่นใหม่มาร่วมงาน

4.ผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรด้านเทคโนโลยีที่เป็นกลุ่มสตาร์ตอัพ และมหาวิทยาลัยชั้นนำของไทย

5.นำเสนอโซลูชั่น AI ที่ใช้งานง่าย เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงและสามารถใช้งานโซลูชั่นต่าง ๆ ได้ แม้ไม่มีทักษะเฉพาะทาง

6.ขยายบริการที่ปรึกษาด้านมีเดียและมาร์เทคโซลูชั่น โดยเน้นนำ AI มาเพิ่มศักยภาพของบริการ

”ปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายผลักดันรายได้ที่ 2,700 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตจากปี 2566 ประมาณ 25% และขยายฐานลูกค้าได้เพิ่มขึ้น 15% ส่วนการขยายตลาดต่างประเทศจะเพิ่มน้ำหนักการทำตลาดในมาเลเซียมากขึ้นทั้งในกลุ่มรีเทลและขยายบริการด้านการวิเคราะห์ดาต้า รวมถึงยังมีแผนการขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่น ๆ ในเอเชียแปซิฟิกด้วย“