Alipay+ เผยยอดใช้จ่ายช่วงสงกรานต์ เพิ่มขึ้น 52% เมื่อเทียบกับ มี.ค. 2567 เดินหน้าผนึกความร่วมมือ ททท. เปิดตัวแคมเปญ “A Thailand+ Experience” กระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรอง สร้างการรับรู้ในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน พร้อมขยายเครือข่ายร้านค้า อำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว
วันที่ 16 พฤษภาคม 2567 นายเอ็ดเวิร์ด หยู ผู้จัดการทั่วไป ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ แอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยว่า ไทยยังคงเป็นจุดหมายอันดับต้น ๆ ที่นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมา ดังเห็นได้จากจำนวนครั้งของการใช้จ่ายผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล (e-wallet) ในเครือข่ายของอาลีเพย์พลัส จากช่วงเทศกาลวันแรงงานที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 161% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ถือเป็นยอดการเติบโตที่สูงกว่าช่วงเริ่มต้นของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2562
อีกทั้งกิจกรรมการตลาดที่เกิดจากความร่วมมือระหว่าง ททท. และอาลีเพย์พลัส ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ยังทำให้จำนวนครั้งการใช้จ่ายผ่านอาลีเพย์พลัส ในช่วงสงกรานต์เพิ่มขึ้น 52% เมื่อเทียบกับเดือน มี.ค. 2567
นอกจากนี้ จำนวนครั้งของการใช้จ่ายระหว่างเดือน ม.ค.-เม.ย. 2567 เพิ่มขึ้น 70% เมื่อเปรียบเทียบกับเดือน ก.ย.-ธ.ค. 2566 โดยนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนครั้งการใช้จ่ายสูงสุด คือนักท่องเที่ยวจากจีนที่ใช้จ่ายผ่านแอปอาลีเพย์ ตามมาด้วย แอปทัชแอนด์โก อีวอลเล็ต (Touch ‘n Go eWallet) จากมาเลเซีย, อาลีเพย์ ฮ่องกง (AlipayHK) จากเขตบริหารพิเศษฮ่องกง และคาเคา เพย์ (Kakao Pay) จากเกาหลีใต้
“อาลีเพย์พลัส เดินหน้าขยายเครือข่ายร้านค้าในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องเพื่ออำนวยความสะดวกในการชำระเงินผ่าน 14 แอปชำระเงินระดับสากล โดยปัจจุบันมีร้านค้าที่รับชำระเงินผ่านเครือข่ายของอาลีเพย์พลัส ในประเทศไทยกว่า 400,000 ร้านค้า รวมถึงในจังหวัดที่เริ่มเป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวนอกเหนือจากจังหวัดยอดนิยม เช่น นครพนม จันทบุรี และลำปาง เพื่อนักท่องเที่ยวจะมีโอกาสเข้าถึงประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบไทยที่แตกต่างไปจากเดิม”
โดยร้านค้าที่เข้าร่วมยังรวมถึงร้านอาหารและคาเฟ่ สถานบริการสุขภาพและสปา และสถานที่ท่องเที่ยว เช่น โซนอาหาร foodwOrld ในศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ สปา Let’s Relax และพระบรมมหาราชวัง ร้านขายของที่ระลึก ส่วนการชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสจากระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่นักท่องเที่ยว จะเปิดให้ชำระได้ผ่านอาลีเพย์พลัสในเร็ว ๆ นี้
อาลีเพย์พลัส เป็นผู้ให้บริการชำระเงินข้ามพรมแดนบนมือถือ ที่อยู่ภายใต้การบริหารงานของ แอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล ตั้งแต่ปี 2563 โดยปัจจุบันมีร้านค้าที่รองรับกว่า 88 ล้านแห่งใน 57 ประเทศและเขตการปกครองทั่วโลก และมีผู้ใช้งานกว่า 1.5 พันล้านบัญชี ผ่าน 25 ผู้ให้บริการกระเป๋าเงินดิจิทัลและแอปชำระเงินของธนาคาร ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการชำระเงินให้ผู้คนทั่วโลกระหว่างเดินทางท่องเที่ยว และเพื่ออำนวยความสะดวกให้ร้านค้าสามารถรับชำระเงินข้ามพรมแดน เพิ่มการเข้าถึงลูกค้าที่มากขึ้น และส่งเสริมการตลาดทางดิจิทัลแก่ร้านค้า
นอกจากนี้ อาลีเพย์พลัส (Alipay+) ยังร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดตัวแคมเปญ “A Thailand+ Experience” เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในจังหวัดที่ยังไม่เป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยว ส่งเสริมการค้นหาประสบการณ์การท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ ๆ
แคมเปญดังกล่าวจะนำเสนอสถานที่ และร้านค้าที่น่าสนใจในจังหวัดเมืองรองผ่านมุมมองของ KOLs ที่ได้รับเลือกให้ร่วมแคมเปญ เพื่อเป็นข้อมูลให้นักท่องเที่ยวที่สนใจเที่ยวเมืองรองได้เรียนรู้ผ่าน Alipay+ D-hub และเว็บไซต์ของ ททท. นอกจากความสะดวกที่นักท่องเที่ยวจะได้รับผ่านการชำระเงินผ่านเครือข่ายอาลีเพย์พลัสเมื่อไปเที่ยวเมืองรองแล้ว นักท่องเที่ยวจะยังได้รับคูปองเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวอีกด้วย
โดย Alipay+ D-hub เป็นฟีเจอร์ในแอปอาลีเพย์ ที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในประเทศไทย, ข้อมูลร้านค้า ร้านอาหารที่แนะนำ, คู่มือการท่องเที่ยวในจังหวัดต่าง ๆ ข้อมูลด้านวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมไทย เพื่อให้นักท่องเที่ยวชาวจีนสามารถศึกษาข้อมูลเพื่อการวางแผนการท่องเที่ยวในประเทศไทย
และ ททท. ยังได้เปิดตัวบัตรดิจิทัล “Amazing Thailand e-Card” บนแอปอาลีเพย์ (Alipay) ที่นิยมใช้ในหมู่ชาวจีน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการในประเทศสามารถเข้าถึงนักท่องเที่ยวได้มากขึ้นเพื่อต่อยอดโอกาสทางธุรกิจ ทั้งยังช่วยสร้างการรับรู้เกี่ยวกับข้อเสนอ และโปรโมชั่นพิเศษเพื่อการท่องเที่ยวแก่นักท่องเที่ยวชาวจีน โดยจะขยายการให้บริการในกลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่น ๆ ต่อไป
ด้านนายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ความร่วมมือกับ อาลีเพย์พลัส มีส่วนช่วยผลักดันการท่องเที่ยวในประเทศเป็นอย่างมากเนื่องจากนักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสกับประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบไทยได้อย่างแท้จริง ส่งผลให้เป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวที่เราตั้งไว้สำหรับปี 2567 เป็นไปตามที่กำหนด
“เรามีความยินดีที่ได้เห็นการเติบโตอย่างรวดเร็วของจำนวนการใช้จ่ายผ่านอาลีเพย์พลัส และการมีเครือข่ายร้านค้าที่รองรับการใช้งานเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองรองต่าง ๆ ทั่วประเทศ ซึ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มร้านค้ารายย่อย ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการสานต่อความสัมพันธ์ผ่านการใช้เทคโนโลยีเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักของประเทศไทย”