COM7 ไตรมาส1/61 รายได้ 6,466 ล้าน กำไรเพิ่ม 46% อานิสงส์สมาร์ทโฟนเปิดตัวเพียบ

รายงานข่าวจาก บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 ได้แจ้งผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2561 มีรายได้รวม 6,466.1 ล้านบาท เติบโต 31.7% โดยระบุว่าปัจจัยที่ทําให้รายได้เพิ่มขึ้นที่สําคัญ คือ สินค้า Apple ยอดขายยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะIphone และ Apple watch รุ่นใหม่ทีเปิดจําหน่ายในไตรมาสที่แล้ว ซึ่งเพิ่มขึ้นทั้งในแง่ของจำนวนเครื่องที่ขายและมูลค่าขายต่อเครื่อง  รวมถึงสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นๆ ที่ทยอยเปิดตัวรุ่นใหม่ในเดือน มี.ค. ทั้ง Samsung Galaxy S9, Huawei Mate 20 Pro, Huawei Y9 , Oppo V9 , Oppo F7 ,Vivo V9

นายสุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. คอมเซเว่น (COM7) ผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกสินค้าไอทีในนาม BaNANA, Studio7, BKK , iCare และ Brand Shop เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2561 ของบริษัท มีรายได้รวม 6,466.1  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.7% เมื่อเทียบกับงวดดียวกันของปีก่อน  (YoY)  ขณะที่กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 786.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.9%  (YoY)  และกำไรส่วนของบริษัทใหญ่อยู่ที่ 174.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.2 % (YoY)

ผลงานดังกล่าวเติบโตจากการเดินตามกลยุทธ์ที่วางไว้ในธุรกิจค้าปลีก โดยเฉพาะไอโฟนและสมาร์ทโฟนมียอดขายเติบโต มีสัดส่วนสินค้าโทรศัพท์เคลื่อนที่เกือบ 61.8% ของรายได้ทั้งหมด ขณะที่กลุ่มสินค้าไอทีมีสัดส่วนอยู่ที่ 18.9% กลุ่มบริการและอื่นๆ 19.3% นับเป็นการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ

รวมถึงแผนการขยายสาขา การควบคุมค่าใช้จ่ายในระดับที่เหมาะสม การเป็นพันธมิตรกับทางกลุ่ม TRUE ทำให้ลูกค้าได้รับสิทธิพิเศษ และข้อเสนอที่ดีที่สุด เพื่อง่ายต่อการตัดสินใจซื้อมากขึ้น

สำหรับ ภาพรวมตลาดอีคอมเมิร์ซของบริษัทฯ แบรนด์ Banana Shopping เตรียมลงระบบใหม่ในเดือนมิถุนายน 2561 นี้ เพื่อกระตุ้นยอดขาย พร้อมทั้งสนับสนุนธุรกิจแฟรนไชส์ของบริษัทฯ ให้กลุ่มลูกค้า SME ปัจจุบันมีร้านแฟรนไชส์ 6 สาขา คาดว่าสิ้นปีนี้จะมี 100 สาขาตามเป้า ส่วนสาขาภายในการบริหารของบริษัทตั้งเป้าไว้ที่ 500 สาขา ทำให้มีสาขาทั้งหมดในภาพรวมกว่า 600 สาขาทั่วประเทศ เทียบกับสิ้นปี 2560 มีจำนวน 434 สาขา

“ผลประกอบการมาจาการตอบรับสินค้าและบริการของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง มีสินค้ารุ่นใหม่ออกมากระตุ้นตลาด ซึ่งมีระดับราคาต่อเครื่องสูง อีกทั้ง บริษัทฯ สามารถซื้อไอโฟนและสมาร์ทโฟนได้โดยตรงจากแบรนด์ Apple และ Huawei ทำให้สามารถซื้อสินค้ารุ่นนิยมในปริมาณที่เพิ่มขึ้น  เชื่อว่าจะดีต่อเนื่องในไตรมาส 2 ปีนี้” นายสุระกล่าว