Grab-Sea Group สองยักษ์เทคสิงคโปร์ รายได้โต 24% แต่กอดคอขาดทุน

grab-sea group

Grab-Sea Group สองยักษ์เทคจากสิงคโปร์ เผยผลประกอบการไตรมาส 1/2567 รายได้เติบโตมากกว่า 20% แต่ยังกอดคอขาดทุน ด้าน Grab ธุรกิจเดลิเวอรี่โต 13% ส่วน Shopee ทำสถิติสูงสุดใหม่ รายได้โต 32.7%

วันที่ 18 พฤษภาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า Grab Holdings ผู้ให้บริการซูเปอร์แอปผ่านแอปพลิเคชัน Grab รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 1/2567 รายได้ 653 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) 62 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากมูลค่าการสั่งสินค้าบนแพลตฟอร์ม (Gross Merchandise Value หรือ GMV) เพิ่มขึ้น รวมถึงต้นทุนพนักงานระดับภูมิภาคลดลง 20% และต้นทุนระบบคลาวด์ลดลง 15% เมื่อเทียบเป็นรายปี

แต่เมื่อรวมการสูญเสียจากอัตราแลกเปลี่ยนและค่าใช้จ่ายชดเชยที่ไม่ใช่เงินสด จะยังขาดทุน 115 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนไตรมาส 1/2566 ขาดทุน 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

โดยรายละเอียดของผลประกอบการเมื่อจำแนกรายธุรกิจเป็นดังนี้

1.ธุรกิจเดลิเวอรี่

  • มูลค่าการสั่งสินค้าบนแพลตฟอร์ม (Gross Merchandise Value หรือ GMV) 2,695 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
  • รายได้ 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
  • EBITDA 42 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนไตรมาส 1/2566 ติดลบ 19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

2.ธุรกิจรถโดยสาร

ADVERTISMENT
  • มูลค่าการใช้จ่ายบนแพลตฟอร์ม 1,547 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
  • รายได้ 247 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
  • EBITDA 138 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 41% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

3.บริการทางการเงิน

  • วงเงินที่ให้บริการสินเชื่อ 363 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 86% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
  • รายได้ 55 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 53% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
  • EBITDA ติดลบ 28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนไตรมาส 1/2566 ติดลบ 43 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

4.ธุรกิจอื่น ๆ

ADVERTISMENT
  • รายได้ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 53% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ Grab ก่อตั้งในปี 2555 ให้บริการขนส่ง การคมนาคม และบริการทางการเงินดิจิทัล มากกว่า 700 เมือง ใน 8 ประเทศ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ กัมพูชา อินโดนีเซีย มาเลเซีย เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม

ด้าน Sea Group ยักษ์เทคสัญชาติสิงคโปร์อีกราย รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 1/2567 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 3,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 23% มี EBITDA 401.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ขาดทุนสุทธิ 23 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเกิดจากการลงทุนทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้น ส่วนไตรมาส 1/2566 มีกำไร 87.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งนี้ Sea Group ก่อตั้งในปี 2552 มีธุรกิจในเครือทั้งหมด 3 กลุ่ม ได้แก่ ช้อปปี้ (Shopee) แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ การีนา (Garena) ผู้พัฒนาและให้บริการเกมออนไลน์ และซีมันนี่ (Sea Money) ผู้ให้บริการการเงินดิจิทัล โดยแต่ละกลุ่มธุรกิจมีผลการดำเนินงาน ดังนี้

1.ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (ช้อปปี้)

  • รายได้ 2.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 32.7% แบ่งเป็น
    – รายได้จากการใช้งานมาร์เก็ตเพลส เช่น ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม และรายได้จากการโฆษณา 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 47.0%
    – รายได้จากบริการอื่น ๆ เช่น การขนส่ง 722.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 7.9%
  • EBITDA ติดลบ 21.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนไตรมาส 1/2566 มี EBITDA อยู่ที่ 207.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • คำสั่งซื้อบนแพลตฟอร์ม 2.6 พันล้านรายการ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 56.8%
  • มูลค่าการซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์ม (GMV) 2.36 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 36.3%

2.ธุรกิจความบันเทิง (การีนา)

  • รายได้ 458.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 15.1%
  • EBITDA 292.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 27.0%
  • ผู้ใช้งานรายไตรมาสอยู่ที่ 594.7 ล้านราย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 21.0%
  • ผู้ใช้งานที่ชำระเงินรายไตรมาสอยู่ที่ 48.9 ล้านราย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 29.8%
  • อัตราส่วนของผู้ใช้งานที่ชำระเงินอยู่ที่ 8.2% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 7.7%

3.ธุรกิจการเงินดิจิทัล (ซีมันนี่)

  • รายได้หลักมาจากบริการทางการเงินดิจิทัลและการดำเนินงานธุรกิจสินเชื่อผู้บริโภคและกลุ่มเอสเอ็มอี
  • รายได้ 499.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 21.0%
  • EBITDA 148.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 50.3%
  • เงินต้นคงค้างอยู่ที่ 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 28.7% แบ่งเป็นเงินกู้ในบัญชี 2.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และเงินต้นนอกบัญชี 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • สัดส่วนของสินเชื่อคงค้างที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ 1.4%

นายฟอเรสต์ หลี่ (Forrest Li) ประธานของ Sea Group กล่าวว่า ช้อปปี้มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสนี้ ทั้งจำนวนคำสั่งซื้อและรายได้ถือเป็นสถิติสูงสุดที่เคยมีมา อีกทั้งซีมันนี่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากความสามารถในการบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ ส่วนการีนามีการเติบโตในด้านของผู้ใช้งาน โดย Free Fire ยังคงครองอันดับหนึ่งในฐานะเกมมือถือที่ใหญ่ที่สุดในโลก

“ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราต้องเผชิญกับความท้าทายจากสภาพเศรษฐกิจ ส่งผลให้เราต้องปรับรูปแบบการดำเนินงานโดยคำนึงถึงประสิทธิภาพเป็นหลัก เพื่อต้านแรงปะทะและปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว เชื่อว่าในปีนี้ธุรกิจของเราจะเดินหน้าได้อย่างมั่นคง”