เปิดคู่มือขายของบน TikTok รู้จัก Shop Ads กับ 3 สิ่งต้องรู้

ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา “TikTok Shop” เป็นดั่ง Rising Star ของการขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ทั้งมาเร็ว มาแรง และเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้บริโภคไปโดยสิ้นเชิง ทำให้เทรนด์ “Shoppertainment” ชัดเจนขึ้น

ในงาน TikTok Shop Seller Conference ครั้งที่ 3 ปลายเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ทีมงาน TikTok ประเทศไทย ได้แบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับแคมเปญส่งเสริมการขาย และการใช้ฟีเจอร์ต่าง ๆ เพื่อช่วยให้พ่อค้าแม่ค้าเพิ่มยอดขายได้มากขึ้น

สแกนจุดแข็ง TikTok

“สุชัญญา ลิขิตธนสมบัติ” TH Platform Operations: Traffic Operations TikTok ประเทศไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบัน TikTok มีฐานผู้ใช้ในประเทศไทย 45 ล้านราย เติบโตจากช่วง 3 ปีก่อนถึง 2 เท่า หลังจากให้บริการ TikTok Shop ในปี 2565 พบว่าจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นถึง 6 เท่า ภายในเวลาปีครึ่ง และเชื่อว่ายังมีโอกาสเติบโตอีกมาก เพราะผู้ใช้ TikTok มากกว่าครึ่งยังไม่เคยซื้อสินค้าจาก TikTok Shop เลย

ผลสำรวจระบุว่า TikTok ช่วยให้ผู้ใช้กว่า 67% เข้าถึงแบรนด์ และสินค้าในรูปแบบใหม่ ๆ

อีกทั้ง ผู้ใช้ 54% ซื้อสินค้าจาก TikTok Shop มากกว่าแพลตฟอร์มอื่น ทำให้ยอดการค้นหาสินค้าบน Shop Tab เพิ่มขึ้นจากเดิม 32 เท่า

“เปรียบ TikTok เป็นห้างสรรพสินค้า เราคือห้างสรรพสินค้าที่แอดวานซ์มาก ด้วยความที่เรามีพื้นฐานเป็นโซเชียลมีเดีย ทำให้เกิดการซื้อขายได้ตลอดเวลา ทั้งจากคนที่ต้องการซื้อสินค้าอยู่แล้ว และคนที่ไม่ได้ตั้งใจซื้อสินค้ามาก่อน เราสร้างประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อ ค้นพบสินค้าบนแพลตฟอร์ม และปิดการขายได้ทันที สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคกว่า 81% ที่ต้องการประสบการณ์ในการช็อปปิ้งแบบครบวงจร”

“สุชัญญา” กล่าวต่อว่า ในครึ่งปีหลัง TikTok มีเกณฑ์ในการสนับสนุนร้านค้าทั้งหมด 3 ส่วนด้วยกัน คือ 1.ราคา (Price) ร้านค้าที่เสนอสินค้าราคาต่ำกว่าแพลตฟอร์มอื่น จะได้รับเงินสนับสนุนส่วนลดสินค้า และเพิ่มการมองเห็นสินค้า 10 เท่า 2.คอนเทนต์ (Content) ร้านค้าที่ทำคอนเทนต์อย่างต่อเนื่องจะได้คูปองพิเศษและการยกเว้นค่าธรรมเนียมและ 3.การมีส่วนร่วมของผู้ขาย (Efficiency) ร้านค้าที่เข้าร่วมโปรแกรม และแคมเปญต่าง ๆ ของ TikTok Shop จะได้รับการมองเห็นมากขึ้น

ไม่ใช่เท่านั้น TikTok ยังเตรียมแคมเปญไว้ให้ร้านค้าได้เข้าร่วมอีกมาก ไม่ว่าจะเป็น Double Sale ทุก ๆ วันเลขเบิล, Mid Month Sale ทุก ๆ วันที่ 15 ของแต่ละเดือน และ Payday ทุก ๆ วันที่ 28-30 ซึ่งการเข้าร่วมแคมเปญต่าง ๆ ช่วยให้ร้านค้าเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าและสร้างยอดขายมากขึ้น

รู้จัก TikTok Shop Ads

“อนนต์ ลลิตนันทวัฒน์” TH Platform Operations: Special Project TikTok ประเทศไทย เปิดเผยว่า การโฆษณาบน TikTok Shop (TikTok Shop Ads) มี 3 ประเภท เหมาะสมตามวัตถุประสงค์ หรือกลุ่มเป้าหมายที่ต่างกัน

ประกอบด้วย 1.Product Shopping Ads (PSA) โฆษณาที่ช่วยเพิ่มการมองเห็นสินค้าใน Shop Tab เหมาะกับกลุ่มลูกค้าที่ตั้งใจจะซื้อสินค้าใน Shopping Center อยู่แล้ว

“การใช้ PSA ช่วยให้แบรนด์เข้าถึงลูกค้าได้จากการเสิร์ชหาสินค้าที่ต้องการบนแพลตฟอร์ม สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้ใช้ปัจจุบัน ซึ่งผู้ใช้ TikTok กว่า 2 ใน 3 ค้นหาสินค้าหลังจากเจอโฆษณาในช่วงแคมเปญ และยังทำให้หน้าค้นหาในปี 2566 เติบโตจากปีก่อนหน้าถึง 10 เท่า”

2.Video Shopping Ads (VSA) โฆษณาที่ช่วยเพิ่มการมองเห็น และการมีส่วนร่วมผ่านวิดีโอสั้น เป็นวิดีโอที่ร้านสร้างเอง หรือครีเอเตอร์สร้างให้ก็ได้ จะปรากฏบนหน้า Homepage Feed และ 3.Live Shopping Ads (LSA) โฆษณาที่ช่วยเพิ่มการมองเห็น และการมีส่วนร่วมผ่านไลฟ์ เหมาะกับกลุ่มผู้ใช้ที่มีโอกาสซื้อสินค้าผ่านไลฟ์สูง

กลยุทธ์การใช้ Shop Ads

“อนนต์” กล่าวถึงกลยุทธ์ในการใช้ Shop Ads แต่ละประเภทให้เสริม Synergy ด้วยว่า ควรเริ่มจาก PSA ก่อน เพราะใช้งานง่าย และไม่จำเป็นต้องสร้างคอนเทนต์วิดีโอหรือไลฟ์สตรีม แค่มีสินค้าบน TikTok Shop ก็ใช้ได้ทันที โดยร้านที่ใช้ PSA สามารถสร้างยอดขายได้สูงกว่าร้านที่ไม่ใช้ถึง 1.5 เท่า

จากนั้นก็สร้างคอนเทนต์ และวางแผนใช้ Shop Ads ประเภทอื่น ๆ ควบคู่ไปกับ PSA เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น โดยร้านที่ใช้ VSA สร้างยอดขายได้มากกว่าร้านที่ไม่ใช้ 2.4 เท่า และร้านที่ใช้ LSA สร้างยอดขายได้มากกว่าร้านที่ไม่ใช้ 10.6 เท่า

“ร้านที่ใช้ Shop Ads ทุกประเภท พบว่ามีค่ามัธยฐานของยอดขายสูงกว่าร้านที่ใช้ Shop Ads เพียง 1 หรือ 2 ประเภท 2.4 เท่า จึงแนะนำว่าในงบโฆษณา 100% ให้แบ่งใช้กับทุกประเภท เพิ่มโอกาสในการดึงลูกค้าจากช่องทางต่าง ๆ แทนที่จะทุ่มงบไปกับช่องทางเดียว”

ปั๊มยอดด้วย Brand Crazy Deal

“อนนต์” กล่าวต่อว่า TikTok Shop มีโปรแกรมส่งเสริมการขายที่เรียกว่า “Brand Crazy Deal” ซึ่งร้านค้าจะได้รับการสนับสนุนส่วนลด 17% สูงสุด 2,500 บาท/สินค้า

รวมถึงสินค้าจะแสดงผ่านแบนเนอร์บน Shop Tab ตามความสนใจของผู้ใช้แต่ละคน ช่วยให้ลูกค้ามองเห็นสินค้าของร้านได้มากขึ้น ซึ่งในปี 2567 ค่าสนับสนุนราคาสินค้าในแคมเปญนี้คิดเป็นเงินกว่า 500 ล้านบาท

สำหรับข้อกำหนดของแบรนด์ที่จะเข้าร่วมโปรแกรม Brand Crazy Deal มีดังนี้

1.ประเภทร้าน ต้องจดทะเบียนเป็น “แบรนด์” (Brand) ใน TikTok

2.ราคาเสนอขาย ต่ำกว่าหรือเท่ากับราคาต่ำสุดใน 30 วันที่ผ่านมา และต้องเทียบเท่าหรือต่ำกว่าราคาที่ขายในแพลตฟอร์มอื่น ๆ

3.คุณภาพของภาพสินค้า ภาพแรกที่ปรากฏบนหน้ารายการสินค้า ต้องใช้พื้นหลังสีขาว มีโลโก้แบรนด์ ไม่ถ่ายด้วยมือถือ และไม่มีมือปรากฏในภาพ

4.สินค้าคงเหลือ (Stock) ต้องมีในสต๊อกอย่างน้อย 10 ชิ้น เพื่อการันตีว่าส่งสินค้าได้ทันทีเมื่อมีคำสั่งซื้อ หากมีจำนวนน้อยกว่าที่กำหนดจะถูกปฏิเสธ 5.ยอดขายก่อนลงทะเบียน ต้องขายมากกว่า 10 ชิ้น ในช่วง 14 วันที่ผ่านมา และ 6.ต้องปฏิบัติตามกฎการขายสินค้าใน TikTok อย่างเคร่งครัด

ผู้บริหาร TikTok ทิ้งท้ายด้วยว่า การเข้าร่วมโปรแกรม Brand Crazy Deal ช่วยเพิ่มการมองเห็นกว่า 50,000 ครั้ง/วัน หรือมากกว่า 30-50% เทียบกับในช่องทาง Search & Recommendation และยิ่งผู้ขายตั้งราคาถูกกว่าแพลตฟอร์มอื่น จะยิ่งได้รับการสนับสนุนส่วนลดจาก TikTok ช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างยอดขาย ทำให้บางแบรนด์มียอดขายจาก Brand Crazy Deal มากกว่า 55%

​