
ย้อนรอยวิกฤติคอมพิวเตอร์ยุค Y2K ความหวาดผวาคอมพิวเตอร์ทั่วโลกจะล่ม เศรษฐกิจ การทหาร และความมั่นคง พินาศจนสิ้นโลก จากกรณีระบบปฏิบัติการ Windows จอฟ้า เพราะอัปเดต CrowdStrike
เหตุการณ์อัปเดต CrowdStrike ที่อัปเดตระบบและส่งผลให้ระบบปฏิบัติการ Windows ทั่วโลกขัดข้องตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 19 ก.ค. 2567 ที่ผ่านมา นับเป็นเหตุการณ์สำคัญเชิงระบบไอที IT Outage ที่ใหญ่ที่สุดที่เคยมีมา
คนในแวดวงไอทีหลายคน กล่าวว่านี่เป็นเหตการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ ที่ระบบคอมพิวเตอร์ขัดข้องพร้อมกันทั่วโลกส่งผลต่อสายการบิน การเงิน และส่วนสำคัญอื่น ๆ ซึ่งผลกระทบเหล่านี้ เคยเป็นสิ่งที่คนยุคปี 1999-2000 หรือยุค Y2K หวาดกลัว
แม้ความผิดพลาดจะเกิดจาก Thrid Party อย่างผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ความปลอดภัยอย่าง CrowdStrike ด้วยความที่ Windows เป็นระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ที่ใช้อยู่กว่า 70% ทั่วโลก ย่อมเห็นผลกระทบได้มากกว่า และชวนให้นึกถึงความผวา “วันสิ้นโลก Y2K”
ข้อมูลบนเว็บไซต์ของ CrowdStrike ระบุว่า บริษัทมีฐานลูกค้ามากถึง 29,000 ราย ในจำนวนนี้มากกว่า 500 ราย เป็นบริษัทใหญ่ในกลุ่ม Fortune 1000 ซึ่งมีหลากหลายธุรกิจทั้งสายการบิน สนามบิน ธนาคาร โรงพยาบาล ค้าปลีก สื่อมวลชน หน่วยงานรัฐ ฯลฯ ทั่วโลก
ดังนั้นข้อผิดพลาดในการอัพเดต CrowdStrike Falcon จึงส่งผลกับคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมสำคัญพร้อมกันนับหมื่นแห่งทั่วโลก
Bug Y2k ทฤษฎีคอมพิวเตอร์ล่มทั่วโลก ในยุค 2000
แนวคิดที่ว่าหากระบบไอทีล่มทั่วโลก จะลากเอาระบบเศรษฐกิจ ความั่นคงระหว่างประเทศให้ล้มไปตาม ๆ กันเริ่มในช่วงที่คอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ครึ่งหลังศตวรรษที่ 20 และเด่นชัดขึ้นเมื่ออินเทอร์เน็ตและคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลแพร่หลายสู่ครัวเรือนช่วง ทศวรรษที่ 1990
ความผวาเด่นชัดเมื่อ จะเข้าสู่การเปลี่ยนผ่านสหัสวรรษสู่ปี 2000 หรือ Y2K ได้ก่อให้เกิดปรากฎการณ์วิกฤตคอมพิวเตอร์ หรือที่มีชื่อเรียกกันหลากหลายว่า Millennium bug, Y2K bug หรือ ความผิดพลาดวายทูเค, Y2K glitch หรือ Y2K error เป็นต้น
ปัญหาดังกล่าวจะเกิดกับระบบเอกสารและการบันทึกข้อมูลคริสต์ศักราชที่มีจำนวนสี่หลัก ที่นิยมย่อเหลือเพียงสองหลักท้าย โดยละตัวเลขสองหลักแรกคือ “19” ไว้ในฐานที่เข้าใจ การบันทึกดังกล่าวนิยมใช้ทั้งในแบบดิจิทัลหรือที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ รวมถึงระบบทะเบียนอนาล็อกบางส่วนที่ยังไม่ได้แก้ไขมาตลอด 100 ปี
การระบุเลขเพียงสองหลักท้ายจะเกิดปัญหาขึ้นเมื่ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่าง ๆ ใช้งานเลยเที่ยงคืนของวันที่ 31 ธันวาคม ค.ศ. 1999 เข้าสู่วันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2000 ระบบพื้นฐานจะเข้าใจว่าวันปีใหม่นั้น คือ ปี ค.ศ. 1900 ซึ่งเป็นการหมุนย้อนเวลา ที่ทำให้การทำงานของระบบผิดเพี้ยน จึงสร้างความตื่นตัวในแวดวงธุรกิจ การธนาคาร การแพทย์ และการทหาร ว่าเมื่อระบบคอมพิวเตอร์ทำงานผิดพลาด อาจทำให้ระบบสาธารณูปโภค ที่มีการปรับใช้คอมพิวเตอร์ไปมากมายแล้วในทศวรรษที่ผ่านมาจะปั่นป่วน ถึงขั้นหยุดการทำงาน
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายก็เห็นแย้งและถกเถียงกันร้อนแรงว่า ข้อผิดพลาดดังกล่าวอาจจะไม่ได้กระทบกับอะไรเลย แต่เมื่อมีบริบทของข่าวลือและกระแสวันสิ้นโลกต่าง ๆ ประโคมโหมโรงยิ่งทำให้ความกังวลเกี่ยวกับ Bugs Y2K ส่อเค้าความจริงขึ้น
ทำไมจึงต้องระบุเลขเพียง 2 หลัก
สารานุกรมออนไลน์ของ National Geographic บันทึกเหตุการณ์ความวิตกครั้งใหญ่ครั้งนั้นไว้ว่ามีสาเหตุจากการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ซับซ้อนเพิ่งเริ่มเกิดขึ้นในช่วงปี 1960- 1980 วิศวกรคอมพิวเตอร์จึงใช้รหัสสองหลักสำหรับปีคริสตศักราช เลขหน้า คือ “19” ถูกละทิ้ง การอ่านวันที่ในปี 1970 จะอ่านเป็น 70 การที่วิศวกรย่อวันที่ให้สั้นลง เนื่องจากการจัดเก็บข้อมูลในคอมพิวเตอร์มีค่าใช้จ่ายสูงและใช้พื้นที่มาก
เมื่อใกล้ถึงปี 2000 โปรแกรมเมอร์คอมพิวเตอร์ตระหนักว่าคอมพิวเตอร์อาจไม่ตีความ 00 เป็น 2000 แต่เป็นปี 1900 กิจกรรมที่ตั้งโปรแกรมในแต่ละวันหรือรายปีจะเสียหายหรือมีข้อบกพร่อง ในวันที่ 31 ธันวาคม 1999 กลายเป็น 1 มกราคม 2000 คอมพิวเตอร์อาจตีความ กลายเป็น 1 มกราคม 1900 แทน
ความกังวลว่าระบบธนาคาร ไฟฟ้า และคมนาคมจะล่มสลาย
มีการยกตัวอย่างที่อาจส่งผลใหญ่หลวงจาก บั๊ก Y2K มากมาย เช่น ในระบบธนาคาร ที่ระบบคำนวณอัตราดอกเบี้ยเป็นรายวัน โดยเฉพาะการคำนวนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ แทนที่จะคำนวณอัตราดอกเบี้ยในหนึ่งวัน คอมพิวเตอร์จะคำนวณอัตราดอกเบี้ยเป็นลบเกือบ 100 ปี
มีความกังวลต่อไปว่า ศูนย์กลางของเทคโนโลยี เช่น โรงไฟฟ้า ก็อาจถูกคุกคามจากบั๊ก Y2K ด้วย โรงไฟฟ้าถูกบำรุงรักษาด้วยคอมพิวเตอร์เพื่อตรวจสอบความปลอดภัย ทั้งการใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมแรงดันน้ำหรือระดับรังสี ดังนั้นการระบุวันเวลาที่ถูกต้องจะทำให้การคำนวณเหล่านี้ล้มเหลว และอาจทำให้ผู้อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียงตกอยู่ในความเสี่ยง
นอกจากนี้ ระบบการขนส่ง ต้องพึ่งพาวันและเวลาที่ถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายการบินตกอยู่ในความเสี่ยง เนื่องจากคอมพิวเตอร์ที่มีบันทึกเที่ยวบินตามกำหนดเวลาทั้งหมดจะถูกคุกคาม
ในประเทศไทยและหลายประเทศทั่วโลกต่างเกิดปรากฎการณ์คนแห่ถอนเงินก่อนถึงช่วงวันปีใหม่ปี 2000 แน่นขนัดเนื่องจากความกังวลว่าระบบ ATM ของธนาคารจะขัดข้อง หลายบริษัทต้องพริ๊นท์ข้อมูลจากระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมดออกมาเป็นกระดาษเพราะความกังวลว่าระบบไอทีจะล่ม
National Geographic ยังบันทึกอีกด้วยว่า “Bugs Y2K” เป็นทั้งปัญหาซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์หมายถึงโปรแกรมอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้บอกคอมพิวเตอร์ว่าต้องทำอะไร ฮาร์ดแวร์คือตัวเครื่องจักรหรือคอมพิวเตอร์เอง
บริษัทซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ต่างเร่งแก้ไขข้อบกพร่องและจัดหาโปรแกรมที่ “เป็นไปตามมาตรฐาน Y2K” วิธีที่ง่ายที่สุดคือวิธีที่ดีที่สุด คือการเปลี่ยนโปรแกรมคำนวนวันที่-ปี ค.ศ. ให้เป็นตัวเลขสี่หลัก
ดังนั้นจึงมีภาครัฐและเอกชนจำนวนมากที่ใช้เงินหลายล้านเหรียญสหรัฐเตรียมรับมือกับปัญหาด้านซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร
ประเทศต่าง ๆ เช่น อิตาลี รัสเซีย และเกาหลีใต้ แทบไม่ได้เตรียมการสำหรับ Y2K เลย แต่พวกเขาก็ไม่มีปัญหาทางเทคโนโลยี ตรงข้ามกับรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย ที่ใช้เงินหลายล้านเหรียญสหรัฐเพื่อต่อสู้กับปัญหาข้อผิดพลาด Y2K
ในช่วงนั้นรัสเซียแทบไม่ลงทุนอะไรเลย ทำให้ออสเตรเลียมีความกังวล จึงเรียกตัวเจ้าหน้าที่สถานทูตเกือบทั้งหมดออกจากรัสเซียก่อนวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2000 เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดปัญหาขึ้นหากเครือข่ายการสื่อสารหรือการขนส่งขัดข้อง
แต่…ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สู่ยุคโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์
ผ่านมา 2 ทศวรรษแล้ว ปัจจุบันโครงสร้างพื้นฐานคอมพิวเตอร์วางอยู่บน คลาวด์ กว่ากึ่งหนึ่ง ทั้งฮาร์ดแวร์กึ่งหนึ่งถูกสั่งงานด้วยซอฟต์แวร์ที่รันบนคลาวด์ ซึ่งผู้ให้บริการซอฟต์แวร์สามารถกำหนดได้ว่าจะมีการอัปเดต หรือเปลี่ยนแปลงเมื่อไหร่
ดังนั้น CrowdStrike ซึ่งเป็น ผู้ให้บริการด้าน ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยไซเบอร์ ที่ปฏิบัติการบนคลาวด์ โดยปกติก็จะอัปเดตระบบผ่านโครงคลาวด์รีเจียนในภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก ได้อย่างรวดเร็ว
ความรวดเร็วในการสั่งการคอมฯ พร้อมกันทั่วโลก เป็นเหรียญสองด้าน หากเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพระบบก็จะเพิ่มพร้อมกันได้ทั่วโลก แต่หากเกิดปัญหาเช่นเหตุการณ์ IT Outage ครั้งนี้ ก็จะเกิดขึ้นพร้อมกันทั่วโลก แน่นอนว่ายอมเร็วกว่าและอันตรายกว่ายุค Y2K ปี 2000 ที่คอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ในโลกยังไม่ได้เชื่อมต่อกันด้วยโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์
ดังนั้น เหตุการณ์ IT Outage จาก CrowdStrike ก็เป็นบทเรียนให้เราตระหนักอีกครั้งว่า ระบบไอทีมีความสำคัญต่อโครงสร้างอุตสาหกรรมหลายอุตสาหกรรมมากเพียงใด
ทั้งที่ CrowdStrike เป็นเพียงซอฟต์แวร์เล็ก ๆ เสี้ยวเดียวของระบบปฏิบัติการเท่านั้น ยังปั่นป่วนโลกได้ขนาดนี้