กว่า 20 ปีแล้วที่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย “เฟซบุ๊ก” (Facebook) เข้ามามีบทบาทกับการดำเนินชีวิตของคนทั่วโลก แม้ว่าจุดเริ่มต้นจะเป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมความสัมพันธ์ของคนด้วยคอนเทนต์ประเภท “ข้อความ” และ “รูปภาพ” ผ่านการแสดงโพสต์บนหน้าฟีด แต่จากภูมิทัศน์การใช้โซเชียลมีเดียที่เปลี่ยนไป ผู้ใช้ยังนิยมรับชมคอนเทนต์วิดีโอสั้นมากขึ้น เฟซบุ๊กจึงต้องปรับตัวและทุ่มสรรพกำลังมาสู้ศึกในสังเวียนวิดีโอสั้นอย่างเต็มที่
ก่อนหน้านี้ “เมตา” (Meta) บริษัทแม่ Facebook เปิดตัวฟีเจอร์วิดีโอสั้น “รีลส์” (Reels) ในปี 2563 และต่อยอดความสามารถด้วยการเพิ่มลูกเล่นต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง กระทั่งปีนี้ประกาศอัพเกรดเทคโนโลยีการจัดอันดับ Reels เพื่อมอบการแนะนำเนื้อหาที่ตรงใจผู้ใช้ยิ่งขึ้น
“ทอม อลิสัน” รองประธานของ Facebook กล่าวว่า คอนเทนต์ประเภทวิดีโอยังเติบโตต่อเนื่อง โดยปัจจุบันกว่า 60% ของเวลาที่ผู้คนใช้บน Facebook และอินสตาแกรม (Instagram) มาจากการรับชมวิดีโอ ซึ่งคอนเทนต์ Reels มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตนี้
อีกทั้งผู้ใช้ยังมีพฤติกรรมที่เรียกว่า “การแชร์แบบส่วนตัว” (Private Sharing) คือส่งคอนเทนต์วิดีโอให้เพื่อนฝูงและครอบครัว ทั้งการส่งต่อบน Facebook หรือแพลตฟอร์มอื่น ๆ เติบโตขึ้นกว่า 80% เมื่อเทียบแบบปีต่อปี
“เฟซบุ๊กเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้ใช้ จึงได้คิดค้นการจัดโครงสร้างโมเดลใหม่ที่สามารถเรียนรู้จากชุดข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อใช้ปรับปรุงประสิทธิภาพของ Facebook Reels รวมถึงปรับปรุงประสบการณ์การรับชมวิดีโอบนเฟซบุ๊ก ด้วยการอัพเดตการเล่นวิดีโอแบบเต็มจอ และฟีเจอร์ที่ช่วยเลื่อนไปยังเนื้อหาที่ต้องการสำหรับวิดีโอยาว”
“ทอม” กล่าวด้วยว่า นอกจากปรับปรุงการแสดงเนื้อหาให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้แล้ว อีกสิ่งที่จะทำให้อีโคซิสเต็มของแพลตฟอร์มสมบูรณ์ คือการสนับสนุนให้ครีเอเตอร์สร้างรายได้จากคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ จึงเปิดตัวฟีเจอร์ Professional Mode ในเวอร์ชั่นที่ใช้งานง่ายขึ้น เป็นฟีเจอร์ที่ออกแบบมาเพื่อผู้ที่ต้องการโพสต์เนื้อหาแบบสาธารณะ และต้องการเพิ่มยอดผู้ติดตาม ซึ่งในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมามียอดผู้ใช้งาน 100 ล้านคนต่อวัน
“จุดแข็งของ Facebook ยังคงเป็นการเชื่อมต่อและสร้างคอมมิวนิตี้ หลายคนได้เจอกิจกรรมใหม่ ๆ จากการใช้งานแพลตฟอร์มของเรา เห็นได้จากการที่ในแต่ละเดือนมีผู้ใช้กว่า 1.8 พันล้านคน มีส่วนร่วมกับกลุ่มบน Facebook และผู้ใช้รุ่นใหม่ (Young Adults) โพสต์ในกลุ่มบนเฟซบุ๊กมากขึ้น โดยมักเป็นการโพสต์แบบไม่ระบุตัวตนในกลุ่มที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับกลุ่มคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ ซึ่งเราจะรักษาจุดแข็ง และพัฒนาบริการให้ตอบโจทย์การใช้งานของกลุ่มผู้ใช้ต่อไป”
ผู้บริหาร Facebook ทิ้งท้ายว่า บริษัทไม่ได้ตั้งเป้าที่จะอัพเกรด Reels อย่างเดียว แต่ยังพัฒนาเทคโนโลยีการแนะนำขั้นสูงจากโมเดล Llama ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ รวมถึงอีโคซิสเต็มของการแนะนำคอนเทนต์บนหน้าฟีด โดยภายในสิ้นปี 2569 จะต้องมีเทคโนโลยีในการแนะนำเนื้อหาที่ดีที่สุดในโลก