มัดรวมผลประกอบการบิ๊กเทคโลก หมวดไหนปัง หมวดไหนแป้ก

software
software

ส่องรายได้ไตรมาส 2/2567 บิ๊กเทค แบ่งตามกลุ่มคลาวด์ เอไอ ฮาร์ดแวร์/ซอฟต์แวร์

วันที่ 3 สิงหาคม 2567 ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของโลกได้ทยอยแถลงผลประกอบการไตรมาสที่ 2/2567 ซึ่งนับเป็นการปิดปีงบประมาณของหลายบริษัท นอกจากจะส่งผลต่อราคาหุ้น แล้วยังสะท้อน ปรากฏการณ์ของเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ ที่ ยังไม่สามารถขยายผล ทำตลาด สร้างรายได้ได้เท่าที่ควร

โดยกลุ่มบริษัทที่มีหมวดธุรกิจคลาวด์ ยังเติบโตโดดเด่น แต่ก็มีการลงทุนมหาศาลในปัญญาประดิษฐ์ซึ่งยังไม่สามารถนำไปทำตลาดได้ เช่น Microsoft corp., Google, Meta หรือ Amazon Web Services

ขณะที่ฝั่งอุตสาหกรรมชิป ฮาร์ดแวร์ สถานการณ์ไม่สู้ดี รายได้หดหาย ดัชนีอุตสาหกรรมชิปร่วง คาดการณ์ดีมานด์ในอนาคตน้อยลงหุ้น NVIDIA ร่วงกราว เช่นเดียวกับ Intel ถึงกับต้องปลดพนักงาน 15,000 คน เซ่นพิษต้นทุนพุ่ง ความต้องการลด

บลูมเบิร์ก รายงานว่า แม้ Amazon.com, ไมโครซอฟท์ คอร์ป และ Alphabet Inc (Google ได้รายงานให้เห็นว่าเงินหลายพันล้านดอลลาร์ที่ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานปัญญาประดิษฐ์กำลังแปรเป็นยอดขายที่แท้จริง

แต่ในสายตาของ นักลงทุน Wall Street พวกเขา ผิดหวัง หุ้น Alphabet ลดลง 7.4% นับตั้งแต่รายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ราคาหุ้นของไมโครซอฟท์ลดลงในช่วงสามวันนับตั้งแต่ผลประกอบการของบริษัทเอง ขณะที่หุ้นของ Amazon ล่าสุดก็ได้รับผลกระทบ จากผลประกอบการลดลงในวันพฤหัสบดี ซึ่งลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2022 เมื่อวันศุกร์

Advertisment

แม้ว่า Silicon Valley จะมองว่าในปี 2024 ว่าเป็นปีที่บริษัทต่างๆ จะเริ่มปรับใช้ Generative AI ซึ่งหมายถึงการมีกำไรจาก Google Gemini และ Copilot ของ Microsoft แต่กลับพบว่าในความเป็นจริงแล้ว AI ยังไม่ได้สร้างผลตอบแทนให้เห็นอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้เกิดความกังวลในวงกว้างว่า AI จะคุ้มค่าเพียงใด

หมวดเทคโนโลยีคลาวด์ยังเติบโต

บิ๊กเทคทั้งสามรายงานว่าการเติบโตของธุรกิจคลาวด์แข็งแรง เป็นธุรกิจที่ชัดเจนที่สุดที่จะได้รับประโยชน์จาก AI เนื่องจากเทคโนโลยีต้องการทรัพยากรการคํานวณจํานวนมาก

Advertisment

แต่กระนั้นกำไรเหล่านี้ยังไม่เพียงพอที่จะเอาใจนักลงทุนที่เริ่มใจร้อนมากขึ้นที่จะเห็นผลตอบแทนจากการใช้จ่ายอย่างหนักในศูนย์ข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐาน AI อื่น ๆ

รายได้การดําเนินงานของ Amazon ในไตรมาสที่สามที่คาดการณ์ไว้ซึ่งลดลงเล็กน้อยจากการประมาณการของนักวิเคราะห์ในวันพฤหัสบดี

“แอนดี้ แจสซี่” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้รณรงค์ลดต้นทุน เพื่อเพิ่มทรัพยากรในการลงทุนใน AI แม้ตอนนี้ค่าใช้จ่ายด้านเงินทุนของ บริษัท Amazon จะมีมูลค่ารวม 3.05 หมื่นล้านดอลลาร์โดยส่วนใหญ่อยู่ในหน่วย AWScloud ในช่วงครึ่งปีแรก

“แจสซี่” กล่าวว่า บริษัท ได้พัฒนาอัลกอริทึมที่ซับซ้อนเพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจลงทุนเพื่อสร้างขีดความสามารถเพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการโดยไม่ทำลายผลกำไร เขาสาบานว่าการลงทุนจะคุ้มค่าเพื่อสนับสนุนสิ่งที่เขาและทีมของเขาเรียกว่าธุรกิจที่ดำเนินรายได้หลายพันล้านดอลลาร์

เช่นเดียวกับ Alphabet ที่ยังโน้มน้าวนักลงทุนให้ทุ่มเงินกับ โครงสร้างพื้นฐาน AI รวมถึงโซลูชัน AI ที่สร้างสรรค์สำหรับลูกค้าระบบคลาวด์ ข๊ะที่รายจ่ายลงทุนเอไอมีมูลค่ารวม 1.32 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสนี้

ไมโครซอฟท์ เองยิ่งน่าผิดหวัง เพราะการเติบโตยอดขาย Azure ซึ่งเป็นบริการคลาวด์คอมพิวติ้งของบริษัท ชะลอตัวลงจากช่วงเวลาก่อนหน้า

แต่ ไมโครซอฟต์ ระบุว่า การใช้งาน AI คิดเป็น ขับ 8 เปอร์เซ็นต์ของการเติบโตรายได้ของ Azure ในไตรมาสนี้ เทียบกับ 7 เปอร์เซ็นต์ของช่วงเวลาก่อนหน้า จึงยังคงมุ่งหวัฃให้เกิดการใช้งานซอฟแวร์เอไออย่างกว้างขวาง

ในขณะที่ ค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนเพิ่มจาก 3หมื่นล้านดอลล่าร์ในปี 2023 แตะ 6หมื่นล้านในปี 2024 นี้ สร้างแรงกดดันให้นักลงทุน

ด้าน Meta Platforms Inc. เจ้าของ Facebook บริษัทปรับคาดการณ์ค่าใช้จ่ายด้านเงินทุนโดยไม่คาดคิด โดยอ้างถึงการลงทุน AI แต่รายได้ในไตรมาสที่สองก็เหนือความคาดหมายเช่นกัน

“มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก” กล่าวว่าที่รายได้โตเหนือคาดหมายเพราะ ลงทุนมากกับ AI ช่วยให้การปรับปรุงการกำหนดเป้าหมายโฆษณาและคำแนะนำเนื้อหาดีขึ้น

บริษัท Apple Inc. ในทำนองเดียวกันกล่าวว่าคุณสมบัติ AI ใหม่จะกระตุ้นการอัพเกรด iPhone ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าช่วยให้ บริษัท กลับมาจากการชะลอตัวของยอดขายที่กระทบธุรกิจในจีนอย่างหนักโดยเฉพาะ

ผู้พัฒนาชิปกำลังแย่

หุ้นของ Nvidia Corp. ร่วงลง 6.7% ในวันพฤหัสบดีและลดลงอย่างต่อเนื่องในวันศุกร์ SK Hynix Inc. ผู้จัดหาชิปหน่วยความจํา AI ระดับแนวหน้า ลดลง 10% ในการซื้อขายในกรุงโซล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหุ้นที่เกี่ยวข้องกับเซมิคอนดักเตอร์ในเอเชียที่ลดลงในวงกว้าง

รวมถึง Taiwan Semiconductor Manufacturing Corp. และ Samsung Electronics Co.

และบริษัท ที่ผลิตอุปกรณ์ผลิตชิปอย่าง ASML Holding NV และ Tokyo Electron Ltd. ลดลงในทํานองเดียวกัน

Intel Corp. เสียส่วนแบ่งที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 40 ปี หลังจากสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดให้กับผู้นำ AI เช่น Nvidia หุ้นลดลง 28.1% เมื่อวันศุกร์หลังจากที่ผู้ผลิตชิปรายงานแนวโน้มการขายที่น่ากลัวและวางแผนการที่จะลดคนงานกว่า 15,000 ตำแหน่ง

Microsoft

ไมโครซอฟต์ รายงานผลประกอบการล่าสุด คือ ไตรมาสที่สี่ของปีงบประมาณ 2024 (สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2024) รายได้อยู่ที่ 64,700 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 15% ช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

  • รายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 27,900 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 15%
  • รายได้สุทธิอยู่ที่ 22,000 ล้านดอลลาร์ และเพิ่มขึ้น 10%
  • กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 2.95 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 10%
  • รายรับไตรมาสของ Microsoft Cloud ที่ 36,800 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบเป็นรายปี

ส่วนรายได้จากซอฟต์แวร์ Productivity and Business Processes อยู่ที่ 20,300 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 11% แบ่งเป็น

  • รายได้จากผลิตภัณฑ์ของ Office และบริการคลาวด์เพิ่มขึ้น 12%
  • รายได้จาก Office 365 Commercial ที่ 13%·
  • รายได้จากผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคของ Office และบริการคลาวด์เพิ่มขึ้น 3%
  • ผู้สมัคร Microsoft 365 Consumer เพิ่มขึ้นเป็น 82.5 ล้านราย
  • รายได้จาก LinkedIn เพิ่มขึ้น 10%
  • รายได้จากผลิตภัณฑ์ Dynamics และบริการคลาวด์เพิ่มขึ้น 16% ซึ่งขับเคลื่อนโดย Dynamics รายรับของ 365 เติบโต 19%

รายได้ของ Intelligent Cloud อยู่ที่ 28,500 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 19% แบ่งออกเป็น

  • รายได้จากผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์และบริการคลาวด์เพิ่มขึ้น 21% โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของรายรับจาก Azure และบริการคลาวด์อื่นๆ ที่ 29%

รายรับของ More Personal Computing อยู่ที่ 15,900 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 14% โดยมีไฮไลท์ทางธุรกิจดังต่อไปนี้

  • รายรับของ Windows เพิ่มขึ้น 7% โดยรายรับของ Windows OEM เพิ่มขึ้น 4% และรายรับของ
  • ผลิตภัณฑ์ Windows Commercial และบริการคลาวด์เติบโต 11%
  • รายรับจากการขายอุปกรณ์ลดลง 11%
  • รายรับจากเนื้อหาและบริการ Xbox เพิ่มขึ้น 61%
  • รายได้จากการค้นหาและโฆษณาข่าวไม่รวมต้นทุนการเข้าถึงข้อมูลเพิ่มขึ้น 19%

Google

ด้าน Alphabet บริษัทแม่ของ Google ได้รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2024 มีรายได้รวม 84,742 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 14% เทียบกับช่วงกันในปีก่อน กำไรสุทธิ 23,619 ล้านดอลลาร์ แบ่งได้ดังนี้

  • Google Search & other 4.8 หมื่นล้านดอลลาร์
  • รายได้จากโฆษณาบน YouTube 8,663 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 13%
  • รายได้จากโฆษณาบน Google Ads 6.4หมื่นล้านบาท
  • รายได้จาก Google cloud 1 หมื่นล้านบาท
  • รายได้ Subscription, แพลตฟอร์ม และฮาร์ดแวร์ 9,312 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 14%
  • กลุ่มธุรกิจใหม่ Other Bets รายได้ 365 ล้านดอลลาร์ ขาดทุนเฉพาะส่วน 1,134 ล้านดอลลาร์
  • ขาดทุนจากการดำเนินงานลงทุน พัฒนา และขยายบริการ AI -2,287 ล้านดอลลาร์

โดยรายได้ส่วน Google Cloud ทะลุหมื่นล้านเป็นครั้งแรก

Apple ยอดขายฮาร์ดเพิ่ม

บริษัท แอปเปิล อิงก์ (Apple) รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปีงบประมาณ 2567 (สิ้นสุด ณ วันที่ 29 มิ.ย. 2567) ว่า บริษัทมีรายได้จากการดำเนินธุรกิจ 85,777 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 81,797 ดอลลาร์สหรัฐ ประมาณ 5% และมีกำไรสุทธิ 21,488 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 19,881 ประมาณ 8%

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจของการรายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของ Apple คือยอดขาย iPad เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 23% ซึ่งคาดว่าได้รับอานิสงส์จากการเปิดตัว iPad Air และ iPad Pro รุ่นใหม่ ที่เปิดตัวเมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา

Amazon

สำหรับยักษ์แคอมเมิร์ซ เทคโนโลยี อะเมซอน คาดการณ์ว่า รายได้ไตรมาส 3/2567 จะอยู่ที่ 1.540-1.585 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งบ่งชี้ว่ารายได้จะมีการขยายตัวราว 8-11% เมื่อเทียบเป็นรายปี แต่เมื่อพิจารณาจากค่ากลางของตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าวซึ่งอยู่ที่ 1.5625 แสนล้านดอลลาร์แล้ว การคาดการณ์ของอะเมซอนอยู่ในระดับต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์เฉลี่ยของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 1.5824 แสนล้านดอลลาร์

  • รายได้จากธุรกิจคลาวด์ Amazon Web Services (AWS) อยู่ที่ 2.63 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.60 หมื่นล้านดอลลาร์
  • รายได้จากการโฆษณาอยู่ที่ 1.28 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.30 หมื่นล้านดอลลาร์